“`html
สวัสดีครับเพื่อนๆ นักอ่านที่รักการติดตามเรื่องราวการเงินและตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นนักเทรดมืออาชีพ หรือแค่มองหาช่องทางเพิ่มพูนความมั่งคั่ง หรือแม้แต่คนที่แค่สนใจตัวเลขตลาดหุ้นเอาไปลุ้นอย่างอื่นก็ตาม
เคยสงสัยไหมครับว่าตัวเลขที่วิ่งๆ อยู่บนหน้าจอตลาดหุ้น หรือราคาปิดตลาดในแต่ละวันน่ะ มันเอาไปทำอะไรได้บ้าง นอกจากการวิเคราะห์เพื่อซื้อขายหุ้นจริงๆ? บางคนอาจจะกำลังมองหา โปรแกรมคำนวณ ดาวโจนส์ (Dow Jones) เพื่อช่วยในการตัดสินใจลงทุน หรือบางคนอาจจะใช้ตัวเลขเหล่านี้ในรูปแบบที่คาดไม่ถึงเลยก็ได้ วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องการใช้ข้อมูลตลาดการเงินในมุมต่างๆ ที่อาจจะดูใกล้กันแต่จริงๆ แล้วต่างกันลิบลับ พร้อมกับข้อควรระวังที่สำคัญมากๆ ครับ
เริ่มต้นกันที่เรื่องจริงจังก่อนเลย การ ซื้อขาย ตราสารทางการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อนุพันธ์ หรือแม้แต่ เงินดิจิตอล ที่กำลังฮิตกันน่ะ ต้องบอกเลยว่า “ความเสี่ยงสูง” มากๆ ครับ ไม่ได้พูดให้กลัวนะ แต่เป็นความจริงที่ทุกคนที่คิดจะก้าวเข้าสู่สนามนี้ต้องรับรู้ไว้ก่อนเลย บางครั้งเราอาจจะสูญเสียเงิน ลงทุน ไปบางส่วน หรือร้ายแรงกว่านั้นคือสูญเสียทั้งหมดก็เป็นได้

ลองนึกภาพตามนะครับ ราคาของสินทรัพย์เหล่านี้มันไม่ได้นิ่งเหมือนภูเขา แต่มันขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา เหมือนนั่งรถไฟเหาะ ซึ่งความผันผวนตรงนี้มาจากหลายปัจจัยมากๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงินโลก กฎหมายใหม่ๆ ที่ออกมาควบคุม หรือแม้แต่เรื่องการเมืองระหว่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลกระทบต่อ ราคาปิดตลาด และการเคลื่อนไหวของราคาได้ทั้งนั้น
ที่สำคัญคือ การ ซื้อขาย ด้วยมาร์จิ้น (Margin) หรือการยืมเงินมาเทรดเนี่ย มันยิ่งเพิ่ม ความเสี่ยง ทางการเงินให้สูงขึ้นไปอีก เพราะถ้าตลาดไปในทางตรงข้ามกับที่เราคาด เงินลงทุนของเราจะหมดเร็วขึ้นมากครับ ดังนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจ ซื้อขาย อะไรลงไปจริงๆ จังๆ เราต้องถามตัวเองก่อนว่าเรามีวัตถุประสงค์ในการ ลงทุน ชัดเจนแค่ไหน เรารับ ความเสี่ยง ได้มากน้อยแค่ไหน เรามีประสบการณ์ในตลาดนี้มากพอหรือยัง ถ้าไม่แน่ใจตรงไหน การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก็เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ นะครับ อย่าเพิ่งโดดเข้าไปทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย
แล้วข้อมูลที่เราเห็นตามเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ล่ะ เชื่อถือได้แค่ไหน? ตรงนี้ก็มีข้อควรระวังอีกเหมือนกันครับ บางครั้งข้อมูลหรือราคาที่เราเห็นมันอาจจะไม่ใช่ราคาแบบเรียลไทม์ หรืออาจจะไม่ถูกต้อง 100% เสมอไป เพราะข้อมูลบางอย่างอาจจะมาจากผู้ดูแลสภาพคล่อง ซึ่งราคานั้นเป็นเพียงราคาชี้นำเท่านั้น ไม่ได้เหมาะสำหรับการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการ ซื้อขาย จริงๆ ครับ อย่างที่ Fusion Media (ฟิวชั่น มีเดีย) และผู้ให้ข้อมูลต่างๆ ได้แจ้งไว้ชัดเจนว่าพวกเขาจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือการสูญเสียใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการ ซื้อขาย หรือจากการพึ่งพาข้อมูลเหล่านี้

นอกจากนี้ ข้อมูลต่างๆ ที่เราเห็นมันมีเจ้าของนะครับ การนำไปใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือแจกจ่าย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากแหล่งที่มาอย่าง Fusion Media ถือเป็นการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ให้ข้อมูลครับ
ทีนี้มาดูข้อมูลอีกแบบที่นัก ซื้อขาย หรือนัก ลงทุน ทั่วไปต้องรู้ไว้ นั่นก็คือ วันหยุด ตลาดครับ ตลาดหุ้นมันไม่ได้เปิดทำการทุกวันตลอดปีนะครับ โดยเฉพาะตลาดใหญ่ๆ อย่างตลาดใน ประเทศไทย หรือ สหรัฐอเมริกา ที่นัก ลงทุน ไทยก็ให้ความสนใจ อย่างดัชนี ดาวโจนส์ (Dow Jones) ของ สหรัฐอเมริกา การรู้ว่าตลาดจะปิดวันไหนเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการวางแผนการ ซื้อขาย ของเรา
ยกตัวอย่าง ปฏิทิน วันหยุด ประจำปี 2567 และ 2568 ก็จะมีรายการ วันหยุด ราชการและ วันหยุด สำคัญๆ ทั้งของ ประเทศไทย และ สหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลให้ตลาดปิดทำการ เช่น วันหยุด ปีใหม่ ทั้งไทยและสหรัฐฯ, วันหยุด อย่าง Martin L. King Day (วันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์), Presidents’ Day (วันประธานาธิบดี), Good Friday (วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์), Memorial Day (วันทหารผ่านศึก), Juneteenth (วันจูนทีนธ์), Independence Day (วันประกาศอิสรภาพ), Labor Day (วันแรงงาน), Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า), Christmas Day (วันคริสต์มาส) ของ สหรัฐอเมริกา หรือ วันหยุด ของไทยอย่าง วันหยุด ชดเชย วันหยุด มาฆบูชา, วันหยุด จักรี, วันหยุด สงกรานต์, วันหยุด ฉัตรมงคล, วันหยุด วิสาขบูชา, วันหยุด เฉลิมพระชนมพรรษาฯพณฯ พระบรมราชินี, วันหยุด อาสาฬหบูชา, วันหยุด เฉลิมพระชนมพรรษาฯพณฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, วันหยุด แม่/ราชินี, วันหยุด นวมินทรมหาราช, วันหยุด ปิยมหาราช, วันหยุด พ่อ/ชาติ, วันหยุด รัฐธรรมนูญ, วันหยุด สิ้นปี การมีปฏิทินนี้อยู่ในมือจะช่วยให้เราไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญที่อาจส่งผลต่อกลยุทธ์การ ซื้อขาย ของเราได้ครับ

ทีนี้มาถึงเรื่องการใช้ข้อมูล ราคาปิดตลาด ในอีกรูปแบบหนึ่งที่หลายคนอาจจะเคยได้ยิน นั่นก็คือการนำไปใช้เป็นฐานในการเล่น “หวยหุ้น” ใช่ครับ ฟังไม่ผิด การพนันที่ใช้ตัวเลขจากตลาดหุ้นนี่แหละเป็นฐานในการออกรางวัล
วิธีการที่ว่านี้มักจะเกี่ยวข้องกับการใช้ “ตารางคู่บวก” และ “ตารางคู่ลบ” ครับ ฟังดูเหมือนจะเป็น โปรแกรมคำนวณ อะไรสักอย่างที่ซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วมันคือตารางที่ผู้เล่น “หวยหุ้น” เชื่อว่าจะช่วยให้ “คำนวณ” หรือคาดเดา เลข ที่จะออกได้ โดยอาศัย ราคาปิดตลาด ของตลาดหุ้นในรอบนั้นๆ เป็นตัวอ้างอิง
ยกตัวอย่างเช่น ถ้า ราคาปิดตลาด ของหุ้นรอบล่าสุด “ปิดบวก” ด้วยตัวเลข 94 ผู้เล่นก็จะไปดู “ตารางหวยหุ้นปิดบวก” ที่มีตัวเลข 94 แล้วก็จะเห็น เลขคู่ สองคู่ในตารางนั้น ซึ่งบางครั้งก็เรียกคู่ซ้ายเป็น เลขล่าง คู่ขวาเป็น เลขบน หรือบางทีก็เอา เลข ในตารางไปหา เลขเด่น เพื่อนำไปเล่น “หวยหุ้นไทยงวดนี้” ต่อไป ส่วน “ตารางคู่ลบ” ก็จะใช้ในกรณีที่ ราคาปิดตลาด “ปิดลบ” โดยอาจจะใช้วิธีการนำ เลข ในตารางมาบวกกันแทน
สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำตรงนี้คือ วิธีการใช้ “ตารางคู่บวก” หรือ “ตารางคู่ลบ” เพื่อ “คำนวณ” เลข สำหรับการเล่น “หวยหุ้น” นี้ เป็นวิธีการที่ใช้สำหรับการ “พนัน” โดยเฉพาะ ไม่ใช่เครื่องมือ หรือวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือทางปัจจัยพื้นฐานใดๆ เพื่อการ ลงทุน หรือ ซื้อขาย ในตลาดหุ้นจริงๆ จังๆ เลยนะครับ มันคนละเรื่องกันเลย
นัก ลงทุน หรือนัก ซื้อขาย ที่จริงจังเขาจะใช้เครื่องมือหรือ โปรแกรมคำนวณ ที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เช่น โปรแกรมคำนวณ ดาวโจนส์ หรือ โปรแกรมคำนวณ สำหรับวิเคราะห์กราฟหุ้น ดูแนวโน้ม ดูตัวเลขทางเศรษฐกิจ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ซื้อขาย โดยอิงจากปัจจัยและเหตุผลทางธุรกิจหรือทางสถิติ ไม่ใช่การนำ ราคาปิดตลาด ไปเข้าตารางเพื่อหา เลขเด่น แบบนี้
ดังนั้น การใช้ข้อมูล ราคาปิดตลาด จากตลาดหุ้นเดียวกัน แต่มีวัตถุประสงค์ต่างกันโดยสิ้นเชิง การนำไปใช้เพื่อ “หวยหุ้น” นั้นมีความเสี่ยงในแง่ของการพนัน ซึ่งมีโอกาสเสียเงินสูง และไม่ได้สร้างมูลค่าหรือผลตอบแทนจากการเติบโตของธุรกิจเหมือนการ ลงทุน ในตลาดหุ้นจริงๆ แถมข้อมูล ราคาปิดตลาด ที่นำมาใช้ใน “หวยหุ้น” ก็อาจจะไม่ใช่ข้อมูลเรียลไทม์ หรือราคาที่ใช้ ซื้อขาย จริงๆ ตามที่ Fusion Media ได้แจ้งเตือนไว้ในข้อมูลความเสี่ยงด้วย
สรุปแล้วนะครับเพื่อนๆ ตลาดการเงิน ข้อมูล ราคาปิดตลาด หรือแม้แต่ดัชนีอย่าง ดาวโจนส์ ล้วนเป็นสิ่งที่มีความซับซ้อนและมีการนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบมากๆ ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหา โปรแกรมคำนวณ ดาวโจนส์ เพื่อช่วยในการวิเคราะห์การ ลงทุน อย่างจริงจัง หรือแค่สนใจในตัวเลขเหล่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจ ความเสี่ยง ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่
ถ้าเป็นการ ซื้อขาย เพื่อ ลงทุน จริงๆ ต้องจำไว้เสมอว่ามันมีความเสี่ยงสูง อาจสูญเสียเงิน ลงทุน ได้ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เข้าใจในสินทรัพย์ที่เรา ซื้อขาย รู้จักตัวเองว่ารับ ความเสี่ยง ได้แค่ไหน และไม่ควรเชื่อข้อมูลหรือคำแนะนำใครง่ายๆ โดยไม่ตรวจสอบด้วยตัวเองครับ ส่วนการนำตัวเลข ราคาปิดตลาด ไปใช้ในรูปแบบของการพนันอย่าง “หวยหุ้น” นั้น ก็ต้องตระหนักว่าเป็นคนละเรื่องกับการ ลงทุน โดยสิ้นเชิง และเป็นการพนันที่มีความเสี่ยงที่จะเสียเงินเช่นกัน
ไม่ว่าเส้นทางที่คุณเลือกจะนำข้อมูลตลาดไปใช้อย่างไร ขอให้ทำความเข้าใจถึงธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ ให้ถ่องแท้ และอย่าลืมว่า “ความรู้” และ “การบริหารความเสี่ยง” คือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณในโลกของตัวเลขการเงินนี้ครับ
“`