เจาะลึก หุ้น SET50 ตัวไหนดี 2566? พร้อมรับมือตลาดผันผวน!

ช่วงนี้ใครเดินผ่านร้านกาแฟ หรือเจอเพื่อนฝูง คงได้ยินคำถามยอดฮิตติดปากว่า ‘ตลาดหุ้นไทยเป็นไงบ้าง?’ หรือหนักกว่านั้น ‘หุ้น SET50 ตัวไหนดี 2566?’ ใช่ไหมล่ะครับ ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่คลุกคลีกับเรื่องพวกนี้มานาน ผมเข้าใจเลยว่าหลายคนกำลังมองหาเข็มทิศในทะเลหุ้นที่ดูจะผันผวนไม่น้อย

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่า SET50 คืออะไร? พูดง่ายๆ เลย มันคือดัชนีที่รวบรวมหุ้นของ 50 บริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ใหญ่ที่สุด และมีการซื้อขายที่คึกคักในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เหมือนเป็นทีมรวมดาวของหุ้นไทยนั่นแหละครับ การลงทุนใน SET50 เลยเป็นเหมือนการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ของประเทศ ทำให้กระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าไปลงทุนในหุ้นตัวเดียวมากๆ

แล้วถ้าถามว่า ‘หุ้น SET50 ตัวไหนดี 2566’ ในมุมของนักลงทุนมือใหม่ หรือคนที่อยากลงทุนแบบง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องปวดหัวกับการเลือกหุ้นรายตัว การลงทุนผ่าน ‘กองทุนรวมดัชนี SET50’ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ ครับ กองทุนประเภทนี้จะลงทุนตามดัชนี SET50 เป๊ะๆ ผลตอบแทนเลยใกล้เคียงกับดัชนี ข้อดีคือค่าธรรมเนียมมักจะต่ำกว่ากองทุนที่ผู้จัดการกองทุนต้องเลือกหุ้นเอง (ที่เรียกว่า Active Fund) แถมยังช่วยให้เราได้กระจายความเสี่ยงไปใน 50 บริษัทใหญ่ในตะกร้าเดียว เหมือนเราอยากกินผลไม้รวม 50 ชนิด แทนที่จะต้องไปเลือกซื้อทีละลูกให้ครบ เหนื่อยก็เหนื่อย เผลอๆ ได้ไม่ครบอีก เราก็แค่ซื้อ ‘ตะกร้าผลไม้รวม SET50’ ใบเดียว จบเลยครับ

กองทุน SET50 ก็มีหลายแบบให้เลือกนะครับ ทั้งแบบไม่จ่ายปันผล (เน้นการเติบโตของมูลค่า), แบบจ่ายปันผล (ได้เงินสดระหว่างทาง), และแบบเพื่อลดหย่อนภาษีอย่าง SSF หรือ RMF ถ้าจะเลือกกองทุน SET50 สิ่งที่ต้องดูหลักๆ เลยคือ ‘ค่าใช้จ่าย’ หรือ ‘ค่าธรรมเนียม’ ครับ ควรเลือกที่ต่ำๆ เข้าไว้ เพราะกองทุนพวกนี้บริหารแบบ Passive ผลตอบแทนมันก็ใกล้เคียงกันแหละ ต่างกันแค่ค่าธรรมเนียมเนี่ยแหละที่จะเป็นตัวกินผลตอบแทนเราไป นอกจากนี้ก็ลองดูผลการดำเนินงานย้อนหลังเปรียบเทียบกันประกอบการตัดสินใจได้

ทีนี้ มาดูที่ตัว ‘หุ้น’ กันบ้างนะครับ ถ้าถามว่า ‘หุ้น SET50 ตัวไหนดี 2566’ ในแง่ของผลประกอบการปี 2566 ที่หลายบริษัททยอยประกาศออกมา (ข้อมูลถึงช่วงต้นปี 2567) ต้องบอกว่ากลุ่มธนาคารและพลังงานนี่มาแรงครับ มีบริษัทใหญ่ๆ ใน SET50 หลายตัวเลยที่ทำกำไรปี 2566 ได้เกินหมื่นล้านบาท แถมบางตัวยังมีการเติบโตที่น่าประทับใจมากๆ เช่น ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กำไรโตกว่า 42%, ซีพี ออลล์ (CPALL) กำไรโตเกือบ 40%, ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) กำไรโตกว่า 30% หรือแม้แต่ ปตท. (PTT) ก็ยังมีกำไรเกินแสนล้านบาท เติบโตกว่า 22% ครับ

มองย้อนไปช่วงครึ่งปีแรก 2566 ในแง่ของราคาหุ้นที่ปรับขึ้นโดดเด่น บางตัวก็เป็นที่พูดถึงมากๆ เช่น เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (DELTA) ที่ราคาเคยทำจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) จากปัจจัยบวกหลายอย่าง แต่ก็ต้องระวังเรื่องค่า P/E (อัตราส่วนราคาต่อกำไร) ที่สูงมากๆ ด้วย หรืออย่าง TTB และ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ก็มีราคาปรับขึ้นและนักวิเคราะห์มองว่ามีแนวโน้มผลประกอบการดีและน่าสะสม โดยเฉพาะ ADVANC ที่ขึ้นชื่อเรื่องปันผลดีครับ

แต่ผลประกอบการดีอย่างเดียวอาจไม่พอ นักลงทุนหลายคนก็ชอบหุ้นที่ ‘ปันผลดี’ ใช่ไหมครับ มองไปข้างหน้า ข้อมูลช่วงต้นปี 2568 แสดงให้เห็นว่ามีหลายหุ้นใน SET50 ที่ให้อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ค่อนข้างสูง โดยอิงจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและคาดการณ์ เช่น ไทยออยล์ (TOP), แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH), เอสซีบี เอกซ์ (SCB), โอสถสภา (OSP), ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP), บ้านปู (BANPU) และ ทิสโก้ (TISCO) ซึ่งหุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็มีนโยบายการจ่ายปันผลที่ค่อนข้างชัดเจนครับ การเลือกหุ้นปันผลก็เป็นอีกกลยุทธ์สำหรับคนที่ต้องการกระแสเงินสดระหว่างทางครับ

อีกเรื่องที่นักลงทุนจับตาคือ การปรับรายชื่อ ‘หุ้นเข้า-ออก SET50’ ซึ่งจะมีผลทุกครึ่งปี การคาดการณ์ล่วงหน้าก็ช่วยให้เราเห็นภาพว่า ‘หุ้น SET50 ตัวไหนดี 2566’ (หรือจะมองไปปี 2567-2568) ในมุมของการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบดัชนีครับ โดยอิงจากเกณฑ์มูลค่าตามราคาตลาดและสภาพคล่อง สำหรับรอบครึ่งปีแรก 2568 ก็มีการคาดการณ์ว่าจะมีหุ้นอย่าง บ้านปู (BANPU), ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD), คอมเซเว่น (COM7), และ ทุนธนชาต (TCAP) เข้ามาในดัชนี ขณะที่บางตัวอาจจะหลุดออกไป อย่าง ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TIDLOR), บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP), พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และ โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) การที่หุ้นถูกคาดว่าจะเข้า SET50 มักจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาทำให้ราคาก่อนวันเข้าจริงปรับตัวขึ้นได้นะครับ

แต่ถึงแม้บางบริษัทใน SET50 จะแข็งแกร่งแค่ไหน ภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมา (และมีแนวโน้มต่อไป) ก็ดูจะอึมครึมไม่น้อยนะครับ ตลาดแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ และดูจะอ่อนแอกว่าตลาดต่างประเทศพอสมควร ปัจจัยกดดันหลักคือเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิออกไปต่อเนื่อง หลายหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

ทำไมต่างชาติถึงยังขาย? คุณสรพล วีระเมธีกุล จาก บล.กสิกรไทย ชี้ว่าปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 ที่ดูจะยังไม่สดใสเท่าที่ควร อาจจะเติบโตถึง 3% ได้ค่อนข้างยากหากไม่มีมาตรการกระตุ้นใหญ่ๆ อย่างโครงการดิจิทัลวอลเลตที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากนี้ ยังมีเรื่อง ‘ส่วนต่างอัตราผลตอบแทน’ (Yield Gap) ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่น่ากังวลครับ

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ทั้งเงินเฟ้อ การจ้างงาน ทำให้การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 ลดลงไปด้วย จากที่เคยมองว่าจะลด 6-7 ครั้ง ตอนนี้เหลือแค่ 3-4 ครั้ง หรืออาจจะน้อยกว่านั้นก็ได้ ถ้าไทยลดอัตราดอกเบี้ยลง (ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ 1-2 ครั้ง ตามที่นักวิเคราะห์คาด) ในขณะที่อเมริกาไม่ลดหรือลดช้าลง ส่วนต่างของผลตอบแทนพันธบัตรระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก็จะกว้างขึ้น ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นสาเหตุหลักที่อาจกระตุ้นให้ต่างชาติเทขายหุ้นไทยเพื่อย้ายเงินกลับไปหาผลตอบแทนที่ดีกว่าในสหรัฐฯ ครับ เหมือนกับว่าบ้านเราอากาศไม่ค่อยดี แถมยังมีข่าวพายุเข้า (ดิจิทัลวอลเลตที่ยังไม่ชัดเจน) ต่างชาติที่เป็นเหมือนนักท่องเที่ยวก็เลยยังไม่ค่อยอยากมาอยู่ยาวๆ หรือบางคนก็รีบกลับไปก่อนน่ะครับ

สรุปแล้ว ถ้าถามว่า ‘หุ้น SET50 ตัวไหนดี 2566’ หรือจะมองไปข้างหน้า… คำตอบไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวครับ การลงทุนในกองทุนรวมดัชนี SET50 เป็นทางเลือกที่ง่ายและช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี เหมาะกับคนเริ่มต้นหรือคนที่ชอบลงทุนระยะยาว

สำหรับนักลงทุนที่พร้อมลุยเองในหุ้นรายตัว นอกจากดูกำไร เงินปันผล และแนวโน้มธุรกิจรายบริษัทแล้ว ปัจจัยใหญ่ๆ อย่างเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย นโยบายรัฐ และเรื่องดอกเบี้ยเฟด ก็มีผลมหาศาลต่อนโยบายและผลประกอบการของบริษัทใหญ่ๆ ใน SET50 ด้วยนะครับ หุ้นกลุ่มธนาคารที่เคยกำไรดีก็อาจจะเจอความเสี่ยงเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่แคบลงและแรงขายจากต่างชาติได้ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานก็อาจจะได้อานิสงส์ในระยะสั้นหากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

หัวใจสำคัญของการลงทุนใน SET50 ไม่ว่าจะผ่านกองทุนหรือหุ้นรายตัว คือการ ‘ศึกษาข้อมูล’ ให้รอบคอบ ‘กระจายความเสี่ยง’ และเข้าใจว่า ‘การลงทุนมีความเสี่ยง’ ครับ อย่าเพิ่งเชื่อใครบอกว่าหุ้นตัวไหนดี 100% โดยไม่ทำการบ้านด้วยตัวเองครับ

⚠️ การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และไม่ควรนำเงินที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตทั้งหมดมาลงทุนนะครับ

สำหรับใครที่สนใจซื้อขายหุ้นรายตัว ก็มีแพลตฟอร์มการลงทุนให้เลือกหลากหลาย ทั้งจากโบรกเกอร์ในประเทศและแพลตฟอร์มระดับโลก อย่าง Moneta Markets ที่มีเครื่องมือและเงื่อนไขการซื้อขายต่างกันไป ลองเปรียบเทียบดูให้เหมาะกับสไตล์ตัวเองได้ครับ

ตลาดหุ้นอาจจะดูท้าทาย แต่โอกาสก็มีอยู่เสมอสำหรับคนที่เตรียมพร้อมและเข้าใจความเสี่ยงครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนนะครับ!

Leave a Reply