เจาะลึกดัชนีแนสแด็ก: โอกาสและความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องรู้!

ช่วงนี้ถ้าใครตามข่าวเศรษฐกิจ หรือแค่เปิดมือถือดูราคาหุ้นผ่านๆ คงจะเห็นชื่อนี้วนเวียนอยู่บ่อยๆ ใช่ไหมครับ? “แนสแด็ก” (Nasdaq) ตลาดหุ้นที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทที่เน้นการเติบโตแห่งอนาคต ฟังแล้วดูเหมือนเป็นแดนสวรรค์ของนักลงทุนสายเทคฯ เลยนะ แต่ก่อนจะพุ่งไปลงทุนตามกระแส เรามาทำความรู้จักกับ ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก และที่สำคัญคือ เจ้า “ดัชนีแนสแด็ก” ตัวสำคัญๆ กันให้ละเอียดขึ้นอีกนิดดีกว่า เหมือนเวลาจะซื้อบ้าน ก็ต้องรู้จักทำเลและสภาพแวดล้อมก่อนใช่ไหมล่ะ?

เอาล่ะครับ เรามาเริ่มกันที่ ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq Stock Market) กันก่อนเลย นี่คือหนึ่งในตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในมหานครนิวยอร์ก เปิดมาตั้งแต่ปี 1971 เก่าแก่พอตัวนะ แต่ที่พิเศษคือ แนสแด็ก เป็นตลาดแรกๆ ที่เน้นการซื้อขายผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ซื้อขายกันได้รวดเร็วทันใจมากๆ จนตอนนี้กลายเป็นตลาดที่มีการซื้อขายมากที่สุดในอเมริกา และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกเมื่อเทียบมูลค่ารวมของบริษัทที่มาจดทะเบียน รองจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก หรือ NYSE นั่นเอง

สิ่งที่ทำให้แนสแด็กโดดเด่นคือ การเป็นบ้านของบริษัทนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกมากมาย นับๆ ดูแล้วมีบริษัทมาจดทะเบียนบน แนสแด็ก ประมาณ 3,500 กว่าแห่งเลยนะครับ (ตัวเลข ณ มกราคม 2023) มูลค่าตลาดรวมๆ นี่ก็มหาศาลมากๆ เฉียดๆ 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว คิดง่ายๆ คือ ถ้าพูดถึงบริษัทเทคโนโลยีเจ๋งๆ ที่เราใช้ชีวิตประจำวันกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ เครื่องคอมฯ ช้อปปิ้งออนไลน์ หรือแม้แต่ดูหนังฟังเพลง ส่วนใหญ่ก็จะอยู่บนตลาดแห่งนี้แหละครับ

ทีนี้พอมีบริษัทเยอะขนาดนี้ เราจะดูภาพรวมของตลาดแนสแด็กทั้งหมดยังไง? ก็ต้องดูจาก “ดัชนี” ไงครับ ดัชนีมันเหมือนเครื่องวัดอุณหภูมิหรือเครื่องมือชี้วัดสุขภาพของตลาดหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่ แนสแด็ก มีดัชนีสำคัญอยู่หลายตัว แต่ที่เราได้ยินบ่อยๆ และมีอิทธิพลต่อการลงทุนทั่วโลกมากๆ ก็คือ “ดัชนี Nasdaq 100” และ “ดัชนี Nasdaq Composite”

มาดูที่ตัวแรกก่อน “ดัชนี Nasdaq 100” หรือเรียกสั้นๆ ว่า NDX เจ้านี่คือดัชนีที่รวบรวมหุ้นของ 100 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดแนสแด็ก *แต่ไม่รวมบริษัทที่อยู่ในกลุ่มสถาบันการเงิน* นะครับ ลองนึกภาพว่าเป็นทีมรวมดารา All-Stars ของบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมเลยก็ได้ บริษัทที่เราคุ้นชื่อกันดีมากๆ เช่น Apple, Microsoft, Amazon, Meta Platforms (เจ้าของ Facebook/Instagram), Alphabet (บริษัทแม่ Google), Netflix, Tesla, Nvidia, Pepsi, Starbucks ไปจนถึงบริษัทยาอย่าง Moderna หรือ Biogen พวกนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของ ดัชนีแนสแด็ก 100 ทั้งนั้น

การที่ ดัชนีแนสแด็ก 100 ไปกระจุกตัวอยู่ในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่เน้นการเติบโต (Growth Stock) ทำให้ดัชนีตัวนี้มีศักยภาพในการเติบโตสูงมากๆ ถ้าบริษัทเหล่านั้นยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เรากำลังพูดถึงกัน ไม่ว่าจะเป็น AI หรือปัญญาประดิษฐ์, เทคโนโลยี AR/VR (โลกเสมือนจริง), หรือแม้แต่รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนให้บริษัทเหล่านี้เติบโต และส่งผลดีต่อ ดัชนีแนสแด็ก 100 ครับ

แล้วปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคล่ะ มีผลกับ ดัชนีแนสแด็ก ไหม? มีแน่นอนครับ อย่างที่เราตามข่าวกันเรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ช่วงที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมักจะได้รับผลกระทบเพราะการเติบโตในอนาคตมีมูลค่าน้อยลงเมื่อคิดลดด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่เมื่อมีแนวโน้มว่า Fed อาจจะใกล้หยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรืออาจจะเริ่มลดดอกเบี้ยได้ในอนาคต นี่กลับเป็นข่าวดีสำหรับตลาดหุ้นกลุ่ม Growth โดยเฉพาะ ดัชนีแนสแด็ก ครับ ข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น Bloomberg, Goldman Sachs, CNBC หรือ CME Group ก็ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน

น่าสนใจว่า แม้ในช่วงที่หลายคนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัว แต่ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งบน แนสแด็ก กลับยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ด้วยซ้ำ ยิ่งตอกย้ำความสามารถในการปรับตัวและสร้างรายได้ในทุกสภาวะตลาดของบริษัทเหล่านี้ และถ้าลองย้อนดูสถิติในอดีต จากข้อมูลที่มีการวิเคราะห์ พบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ผลตอบแทน 1 ปี ของ ดัชนีแนสแด็ก หลังจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของ Fed มักจะอยู่ที่ประมาณ 11.5% เลยทีเดียวครับ (แน่นอนว่าตัวเลขในอดีตไม่ได้การันตีอนาคตนะ อันนี้สำคัญมาก)

ทีนี้มาดูอีกตัวคือ “ดัชนี Nasdaq Composite” หรือ IXIC ดัชนีตัวนี้จะกว้างกว่า ดัชนีแนสแด็ก 100 ครับ เพราะมันรวมหุ้นสามัญเกือบทั้งหมดที่จดทะเบียนในตลาดแนสแด็กเลย ประมาณ 3,000 กว่าตัว ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมกว่า ไม่ได้มีแค่เทคโนโลยีจ๋าๆ อย่างเดียว แต่ก็ยังมีบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในภาคการเงินด้วย ดัชนี Nasdaq Composite จึงเป็นเหมือนตัววัดประสิทธิภาพโดยรวมของ ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก ทั้งตลาดครับ

ข้อมูลล่าสุด (ปรับลดลง -0.18% ใน 24 ชม. ก่อนหน้าช่วงที่มีการอ้างอิงข้อมูล) ดัชนี Nasdaq Composite อยู่ที่ประมาณ 19,112.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็มีขึ้นมีลงในแต่ละวันเป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้น แต่ถ้าดูภาพรวมในระยะหลังๆ ถือว่าปรับตัวขึ้นได้ดีทีเดียวครับ เช่น ขึ้นมา 6.65% ใน 1 สัปดาห์ล่าสุด, ขึ้น 13.48% ใน 1 เดือน, และขึ้นถึง 15.13% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (ตัวเลขเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานะครับ ต้องเช็คข้อมูลแบบเรียลไทม์) บริษัทที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดใน ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต ก็หนีไม่พ้น Microsoft, Nvidia, และ Apple นั่นเอง

สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจเกี่ยวกับ “ดัชนี” ไม่ว่าจะเป็น ดัชนีแนสแด็ก 100 หรือ ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต ก็คือ “เราไม่สามารถลงทุนในตัวดัชนีได้โดยตรง” นะครับ ดัชนีเป็นแค่ตัวเลขชี้วัดเฉยๆ ถ้าอยากลงทุนตาม ดัชนีแนสแด็ก ต้องลงทุนผ่านเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ เช่น กองทุนรวมที่อ้างอิงดัชนี (ETFs หรือ Index Funds), สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่อ้างอิงดัชนี หรือเลือกซื้อหุ้นรายตัวที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของดัชนีนั้นๆ แทน

ฟังดูน่าตื่นเต้นใช่ไหมครับ ตลาดแนสแด็กเต็มไปด้วยบริษัทชั้นนำ มีศักยภาพเติบโตจากเทคโนโลยีแห่งอนาคต และอาจได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ย ข้อมูลจากแหล่งน่าเชื่อถือต่างๆ อย่าง Bloomberg, Goldman Sachs, CNBC ก็ดูเหมือนจะสนับสนุนมุมมองเชิงบวกในบางแง่มุม

แต่จำไว้เลยนะเพื่อนๆ นักลงทุนทุกคน! การลงทุนใน ตราสารทางการเงิน หรือแม้แต่ เงินดิจิทัล ที่บางคนอาจเชื่อมโยงกันว่าอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยง ก็มีความเสี่ยงสูงมากๆ ครับ และนี่คือสิ่งที่เราต้องตระหนักให้ดี ไม่ใช่ว่าเห็นตัวเลขบวกสวยๆ แล้วจะกระโดดเข้าไปเลยโดยไม่คิด

ข้อมูลที่เราเห็นบนเว็บไซต์ต่างๆ อาจจะไม่ใช่ราคาแบบเรียลไทม์เป๊ะๆ และเป็นเพียงราคาชี้นำเท่านั้น ไม่เหมาะเอาไปใช้ตัดสินใจซื้อขายโดยตรง ผู้ให้บริการข้อมูล รวมถึง Fusion Media ที่เป็นแหล่งข้อมูลส่วนหนึ่งของเรา ก็ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจซื้อขายที่อ้างอิงจากข้อมูลเหล่านี้ และการนำข้อมูลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก็ทำไม่ได้นะครับ

หัวใจของการลงทุน ไม่ว่าจะใน ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก หรือที่ไหนก็ตาม คือการที่เราต้องประเมินตัวเองก่อนว่ามี “ความสามารถรับความเสี่ยง” ได้มากน้อยแค่ไหน วัตถุประสงค์ในการลงทุนของเราคืออะไร มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นมาก่อนไหม เงินที่เรานำมาลงทุนเป็น “เงินเย็น” จริงๆ หรือเปล่า? เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงสูงมากจริงๆ ครับ อาจสูญเสียเงินลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมดไปเลยก็ได้ ซึ่ง การลงทุนประเภทนี้ “ไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคน” ครับ

⚠️ หากเงินลงทุนของคุณไม่ได้มีมากนัก หรือยังไม่พร้อมรับความเสี่ยงสูงๆ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบมากๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงเช่นนี้ และทางที่ดี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่มีใบอนุญาตก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ เพื่อให้เขาช่วยประเมินสถานการณ์และให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับโปรไฟล์ความเสี่ยงของคุณครับ

ตลาดแนสแด็กเป็นตลาดที่น่าสนใจ มีโอกาส และเป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมของโลก แต่โอกาสมักมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ การทำความเข้าใจข้อมูลต่างๆ ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ ประเมินความเสี่ยง และลงทุนด้วยเงินที่เราพร้อมจะสูญเสียเท่านั้น คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราอยู่ในโลกของการลงทุนได้อย่างยั่งยืนครับ

*บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลและมุมมองเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้อ่านควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุนใดๆ เสมอ*

Leave a Reply