กองทุน NASDAQ-100: โอกาสทองของนักลงทุนไทย หรือแค่ตามกระแส?

ช่วงนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน เปิดข่าวอ่าน หรือแม้แต่เพื่อนฝูงในวงกาแฟก็มักจะพูดถึงเรื่องตลาดหุ้นสหรัฐฯ กันให้แซ่ดเลยนะครับ โดยเฉพาะเจ้าดัชนีตัวเด็ดอย่าง Nasdaq 100 ที่เป็นเหมือนขวัญใจสายเทคฯ เพราะอัดแน่นไปด้วยบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เราคุ้นชื่อกันดี

แล้วในฐานะนักลงทุนชาวไทยอย่างเราๆ ถ้าอยากจะเกาะกระแสไปกับเขามั่งล่ะ? ไม่ต้องบินไปเปิดพอร์ตที่อเมริกาให้วุ่นวายหรอกครับ เพราะบ้านเรามีกองทุนรวมที่เปิดประตูให้เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของบริษัทเหล่านี้ได้ง่ายๆ ผ่านการลงทุนใน กองทุน nasdaq-100 นั่นเองครับ

เจ้า กองทุน nasdaq-100 ที่ว่าเนี่ย ก็คือดัชนีที่รวมเอาบริษัทใหญ่ๆ ในตลาดหุ้น Nasdaq สหรัฐฯ มา 100 อันดับแรกครับ แต่เน้นที่บริษัทที่ไม่ใช่กลุ่มการเงินนะ หัวใจหลักๆ เลยก็คือพวกพี่ใหญ่สายเทคฯ ทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft ที่ตอนนี้ไปแรงเรื่อง AI, Nvidia ที่ชิปเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในยุคปัญญาประดิษฐ์ หรือ Apple, Amazon, Meta (Facebook), Netflix, Tesla ที่เราใช้สินค้าและบริการเขาอยู่ทุกวันนี่แหละครับ การลงทุนในดัชนีนี้ก็เหมือนเราได้ถือหุ้นของสุดยอดบริษัทเหล่านี้กระจายๆ กันไปนั่นเอง

ทีนี้ กองทุน nasdaq-100 ในบ้านเราส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบที่เรียกว่า Feeder Fund ครับ คือแทนที่จะไปซื้อหุ้น Nasdaq 100 โดยตรง ตัวกองทุนไทยก็เอาเงินเราไปลงทุนในกองทุนหลัก (Master Fund) ที่อยู่ในสหรัฐฯ อีกที ซึ่งกองทุนหลักยอดนิยมสำหรับกองทุนกลุ่มนี้ก็คือ Invesco NASDAQ 100 ETF หรือชื่อย่อ QQQM ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาด Nasdaq โน่นเลยครับ

ถ้าลองไปสำรวจ กองทุน nasdaq-100 ที่มีในไทยตอนนี้ ก็จะเห็นหลายเจ้าเลยครับ อย่างที่ข้อมูลเปรียบเทียบจาก WealthMagik เขาเอามาให้ดูก็มี K-USXNDQ-A(A), KKP NDQ100-H, TLUSNDQ-H-A, SCBNDQ(A) ซึ่งกองทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีระดับความเสี่ยงอยู่ที่ ๖ ครับ ถือว่าค่อนข้างสูง เหมาะกับคนที่รับความผันผวนได้ระดับหนึ่ง และส่วนใหญ่ (ในรุ่นที่เปรียบเทียบ) จะไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล แถมยังมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedge) ไว้ให้ด้วย เพื่อลดความกังวลเรื่องค่าเงินบาทผันผวนกับเงินดอลลาร์

ลองเจาะรายละเอียดดูจากข้อมูลเปรียบเทียบ จะเห็นว่าแต่ละกองทุนก็มีจุดเด่นต่างกันไปครับ อย่างเรื่องค่าธรรมเนียมรวมต่อปีเนี่ย SCBNDQ(A) ดูจะเบาที่สุดที่ ๐.๓๗% ในขณะที่ K-USXNDQ-A(A) จะอยู่ที่ ๐.๗๐% แถมมีค่าธรรมเนียมตอนที่เราขายคืนหน่วยลงทุนด้วย ซึ่งกองทุนอื่นส่วนใหญ่ไม่มีตรงนี้ แต่ถ้ามาดูเรื่องความผันผวนของผลตอบแทน (วัดด้วยค่า Standard Deviation หรือ SD) SCBNDQ(A) ก็ยังดูผันผวนน้อยที่สุด รองลงมาก็ KKP NDQ100-H ครับ

แต่ถ้ามองในมุมของผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยง (วัดด้วย Sharpe Ratio) เนี่ย KKP NDQ100-H ดูจะทำได้ดีที่สุดเลยครับ ซึ่งแอดมินของ WealthMagik ที่ทำบทความนี้เขาก็แนะนำ KKP NDQ100-H นี่แหละครับ เพราะมองว่าให้ผลตอบแทนย้อนหลังดีกว่า ค่าใช้จ่ายไม่ได้สูงเว่อร์ แถมความผันผวนก็อยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ในกลุ่มเดียวกัน สรุปคือ การเลือก กองทุน nasdaq-100 ก็ต้องดูหลายๆ ปัจจัยประกอบกันครับ ทั้งค่าธรรมเนียม ความผันผวน และผลตอบแทนในอดีต

ลองมาดูตัวอย่างเจาะลึกสักกองทุนนะครับ อย่างซีรีส์ K-USXNDQ-A ของ บลจ.กสิกรไทย ที่มีทั้งแบบจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(A)) และไม่จ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D)) ทั้งสองกองทุนนี้ก็เน้นลงทุนใน กองทุนหลัก Invesco NASDAQ 100 ETF เหมือนกันครับ แต่รายละเอียดปลีกย่อยต่างกันบ้าง เช่น นโยบาย Hedge ค่าเงิน รุ่น A Hedge ไม่น้อยกว่า ๗๕% แต่รุ่น D Hedge ตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน เรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ ก็จะมีบอกไว้ในหนังสือชี้ชวน ซึ่งบางทีก็มีตั้งแต่ค่าธรรมเนียมจัดการกองทุน ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ ค่าธรรมเนียมนายทะเบียน หรือแม้แต่ค่าธรรมเนียมซื้อ-ขายหน่วยลงทุนเลยครับ

สำหรับ กองทุนหลัก Invesco NASDAQ 100 ETF (QQQM) ที่กองทุนไทยไปลงทุนเนี่ย ข้อมูล ณ วันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๘ บอกว่าราคาปิดอยู่ที่ ๒๑๔.๐๙ ดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ กองทุนนี้มีขนาดใหญ่พอสมควรเลย (Market Cap ๔๗.๗๖ พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และอย่างที่บอกคือเขาลงทุนในหุ้น ๑๐๐ ตัวแรกของ Nasdaq ที่ไม่ใช่การเงิน หุ้น ๑๐ อันดับแรกที่กองทุนนี้ถือก็คือตัวท็อปที่เราพูดถึงนั่นแหละครับ เรียงตามสัดส่วนคร่าวๆ ก็มี Microsoft, Nvidia, Apple, Amazon, Broadcom, Meta, Netflix, Tesla, Costco และ Alphabet (Google) ครับ จะเห็นว่าหุ้นกลุ่มเทคฯ เนี่ยน้ำหนักเยอะจริงๆ

แล้วช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นยังไงบ้าง ทำไม กองทุน nasdaq-100 ถึงน่าจับตา? ก็มีหลายเรื่องเลยครับที่ส่งผลกระทบ
อย่างแรกเลยคือเรื่องการเมืองนิดๆ ครับ มีคำตัดสินจากศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ที่บอกว่าคำสั่งเก็บภาษีนำเข้าแบบ “reciprocal” ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนี่ยมันเกินขอบเขตอำนาจ คำสั่งนั้นเลยโดนยกเลิกและระงับไปถาวรเลยครับ ข่าวนี้ออกมาก็ทำให้ตลาดฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ รวมถึง Nasdaq 100 ฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้นได้ดี แสดงว่านักลงทุนคลายกังวลเรื่องนโยบายภาษีไปได้บ้าง

ที่สำคัญกว่าคือเรื่องผลประกอบการของบริษัทเทคฯ ครับ โดยเฉพาะพี่ใหญ่อย่าง Nvidia ที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส ๑ ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เยอะมาก โดยเฉพาะธุรกิจ Data Center ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ๗๓% เทียบกับปีก่อน พอข่าวนี้ออกมา หุ้น Nvidia ก็พุ่งแรงเลยครับ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ซึ่งแน่นอนว่ามันดันดัชนี Nasdaq 100 ให้ปรับตัวขึ้นตามไปด้วย

ภาพรวมตลาดสหรัฐฯ ช่วงนี้เองก็ถือว่าปรับตัวดีขึ้นครับ แม้บางวันจะย่อตัวบ้าง แต่ดัชนี Nasdaq เองก็บวกขึ้นมาเกือบ ๒% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และบวกไปเกือบ ๙.๕% ในเดือนพฤษภาคมเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ก็มาจากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเทคฯ นี่แหละครับ ที่ได้ประโยชน์จากความก้าวหน้าเรื่อง AI ของบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Alphabet ด้วย

นอกจากนี้ ก็มีปัจจัยเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ต้องติดตามครับ เช่นรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่นักลงทุนเฝ้ารอดูท่าทีและมุมมองต่อเศรษฐกิจ หรือตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้นในเดือนพฤษภาคม ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเพราะความตึงเครียดทางการค้ากับจีนที่คลี่คลายลงครับ แต่อย่าลืมว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วย ซึ่งตรงนี้อาจส่งผลกระทบต่อหุ้นบางกลุ่มได้

อีกเรื่องที่นักลงทุน กองทุน nasdaq-100 ต้องรู้ไว้คือเรื่องวันหยุดครับ เพราะ กองทุน nasdaq-100 บ้านเราไปลงทุนในสหรัฐฯ ดังนั้นวันหยุดทำการของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็มีผลต่อการซื้อขายและวันรับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนของเราด้วยครับ ถ้าวันไหนที่สหรัฐฯ หยุดทำการ เราอาจจะซื้อขายหน่วยลงทุนไม่ได้ หรือถ้าขายไปแล้วก็อาจจะต้องรอนานกว่าปกติกว่าจะได้รับเงินครับ

สรุปแล้ว การลงทุนใน กองทุน nasdaq-100 ก็เหมือนเราได้ขึ้นรถไฟขบวนเทคโนโลยีไปกับบริษัทชั้นนำของโลกครับ เป็นโอกาสที่จะได้ร่วมเติบโตไปกับนวัตกรรมที่กำลังเปลี่ยนโลก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงนะครับ เพราะดัชนีนี้เน้นหุ้นเทคฯ เป็นหลัก ทำให้พอร์ตอาจจะกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวค่อนข้างมาก ถ้ากลุ่มเทคฯ เจอข่าวร้ายหรือตลาดโดยรวมปรับฐาน กองทุนของเราก็อาจได้รับผลกระทบเยอะกว่ากองทุนที่กระจายตัวในหลายอุตสาหกรรมครับ นอกจากนี้ก็ยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (แม้จะมี Hedge แต่ก็ไม่ ๑๐๐%) และความเสี่ยงเฉพาะตัวของแต่ละกองทุนไทย เช่น นโยบายการลงทุน ค่าธรรมเนียม หรือฝีมือผู้จัดการกองทุนครับ

ก่อนตัดสินใจลงทุนใน กองทุน nasdaq-100 กองไหน ลองศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้ละเอียดนะครับ เปรียบเทียบดูทั้งค่าธรรมเนียม ผลตอบแทนย้อนหลัง ค่าความผันผวน (SD) อัตราส่วนชาร์ป (Sharpe Ratio) และนโยบายต่างๆ ให้รอบคอบ ที่สำคัญคือประเมินความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ และดูว่าเงินก้อนนี้เรามีแผนจะใช้อีกเมื่อไหร่ครับ

⚠️ หากเงินก้อนนี้คุณอาจต้องใช้เร็วๆ นี้ หรือรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก การลงทุนใน กองทุน nasdaq-100 ที่มีความผันผวนสูง อาจต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หรือแบ่งเงินมาลงทุนเพียงบางส่วนตามความเหมาะสมนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนครับ

Leave a Reply