เพื่อนๆ ที่ติดตามเรื่องราวการเงิน หรือแค่แวะเวียนมาดู “ตลาดหุ้น” (Stock Market) ไทยเราเป็นยังไงบ้างครับ? ช่วงนี้ดูเหมือนจะไม่ได้คึกคักเหมือนก่อนใช่ไหม? ถ้าใครลองเปิดดูตัวเลขที่แสดงสถานะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือที่คุ้นหูว่า SET Index ก็อาจจะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมองย้อนไป 5 วัน 1 เดือน 3 เดือน หรือแม้แต่ตั้งแต่ต้นปี หรือ 1 ปีที่แล้ว ตัวเลขส่วนใหญ่ติดลบเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน อย่างข้อมูล ณ วันที่ 29 เมษายน 2568 ตัว SET Index เองก็ลดลงไปถึง -13.80% ตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียวครับ ซึ่งตัวเลขพวกนี้มันก็สะท้อนภาพรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดบ้านเรานี่แหละ
ทีนี้ ถ้าเจาะลึกลงไปอีกหน่อย ก็จะมีดัชนีฯ ตัวสำคัญที่หลายคนใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิง หรือเอาไว้ดูแนวโน้มของ “หุ้น” (Stock) ใหญ่ๆ นั่นก็คือ set index 50 ครับ ชื่อก็บอกตรงๆ เลยว่า คือดัชนีที่วัดผลการดำเนินงานของหุ้น 50 ตัวแรกในตลาดหุ้นไทยที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่สุด พูดง่ายๆ ก็เหมือนเราคัดเอาตัวท็อป 50 ของประเทศมาวัดผลนั่นแหละครับ ดัชนีตัวนี้สำคัญยังไงน่ะเหรอ? ก็เพราะมันถูกใช้เป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบผลตอบแทนของกองทุนต่างๆ หรือแม้แต่เป็นตัวอ้างอิงในการออก “สินค้าอนุพันธ์” (Derivatives) ให้เราได้ซื้อขายกันด้วยครับ

การที่จะได้เข้ามาอยู่ในลิสต์ของ set index 50 ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ เขามีเกณฑ์ในการคัดเลือกที่ชัดเจนครับ หลักๆ เลยก็คือต้องเป็น “หุ้น” (Stock) ของบริษัทที่มี “มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด” (Market Capitalization) สูงๆ มี “สภาพคล่อง” (Liquidity) ในการซื้อขายมากๆ และต้องมีการกระจาย “หุ้น” (Stock) ให้กับ “ผู้ถือหุ้นรายย่อย” (Retail Investors) ตามเกณฑ์ด้วย ซึ่งรายชื่อ 50 ตัวนี้ ไม่ได้คงที่ถาวรนะครับ เขาจะมีการ “ปรับรายชื่อ” กันทุกๆ 6 เดือน คือช่วงปลายปี (ธันวาคม) และกลางปี (มิถุนายน) และรายชื่อใหม่จะมีผลใช้จริงในวันทำการแรกของเดือนมกราคมกับกรกฎาคมครับ เหมือนกับการปรับทีมฟุตบอลประจำฤดูกาลนั่นแหละครับ
มาดู “ผลตอบแทน” (Return) ของ set index 50 ช่วงที่ผ่านมากันบ้าง ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 2568 ตัวเลขก็ค่อนข้างชัดเจนว่าอยู่ในช่วงขาลงครับ อย่างเช่น “ผลตอบแทน” (Return) ย้อนหลัง 1 เดือน ลดลง -1.00%, 3 เดือน ลดลง -15.20%, 6 เดือน ลดลง -19.92% และย้อนหลัง 1 ปี ลดลง -10.85% ครับ ซึ่งตัวเลขพวกนี้ก็สอดคล้องกับภาพรวมของ SET Index นั่นเอง แม้จะมีบางช่วงเวลาที่เราเห็น set index 50 ปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้าง อย่างข้อมูลเก่าหน่อย ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ดัชนีฯ เคยอยู่ที่ 837 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.87% และมี “ผลตอบแทน” (Return) 4 สัปดาห์ก่อนหน้านั้นถึง +5.12% แต่ภาพรวมจากข้อมูลล่าสุดก็ยังเป็นขาลงครับ

คุณอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไม “ตลาด” (Market) ถึงได้ซึมๆ หรือปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา? ส่วนหนึ่งก็ต้องบอกว่ามันได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่างครับ โดยเฉพาะ “ตัวเลขเศรษฐกิจ” (Economic Indicators) ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ข้อมูลเศรษฐกิจไทยล่าสุดบางตัวก็ไม่ได้แข็งแกร่งนักครับ อย่างเช่น “ดัชนี PMI ภาคการผลิตไทย” (Thailand Manufacturing PMI) ที่ลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หรือ “ยอดขายรถยนต์ไทย” ที่ลดลงถึง 26.18% ในปี 2567 ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันบ่งบอกถึงกำลังซื้อหรือการผลิตที่อาจจะชะลอตัวลง ถึงแม้จะมี “ตัวเลขเศรษฐกิจ” (Economic Indicators) บางตัวที่ดีขึ้น อย่างความเชื่อมั่นทางธุรกิจ หรือ “การลงทุนภาคเอกชนไทย” ที่กลับมาขยายตัว รวมถึง “การส่งออก” ที่เติบโตดีกว่าคาดการณ์ แต่น้ำหนักจากปัจจัยลบก็ดูจะกดดัน “ตลาด” (Market) มากกว่าในช่วงที่ผ่านมาครับ
การที่ “ตัวเลขเศรษฐกิจ” (Economic Indicators) ออกมาแบบนี้ มันก็ส่งผลโดยตรงต่อผลประกอบการของ “บริษัทจดทะเบียน” (Listed Companies) โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ ที่อยู่ใน set index 50 นี่แหละครับ พอผลประกอบการ หรือ “แนวโน้ม” (Trend) ในอนาคตดูไม่สดใสมากนัก ราคา “หุ้น” (Stock) ก็มีโอกาสปรับตัวลดลงได้ นักลงทุนก็อาจจะเลือกที่จะขาย “หุ้น” (Stock) ออกมาก่อน ทำให้ “ปริมาณซื้อขาย” (Trading Volume) และ “มูลค่าซื้อขาย” (Trading Value) อาจจะผันผวนตามไปด้วยครับ

บางที การดูแค่ตัวเลขดัชนีฯ ขึ้นหรือลง ก็เหมือนเราดูแค่ว่าอุณหภูมิร้อนหรือหนาว แต่ไม่ได้รู้ว่าทำไมถึงร้อนหรือหนาวใช่ไหมครับ การเข้าใจว่า set index 50 คืออะไร ประกอบด้วย “หุ้น” (Stock) ของบริษัทแบบไหน และ “ตัวเลขเศรษฐกิจ” (Economic Indicators) ต่างๆ กำลังบอกอะไรเรา มันช่วยให้เรามองภาพ “แนวโน้มตลาด” (Market Trend) ได้รอบด้านมากขึ้นครับ ข้อมูลอย่างช่วงราคา 52 สัปดาห์ของ set index 50 ที่กว้างมากๆ ตั้งแต่ 667.69 จุด ถึง 965.78 จุด (ข้อมูล ณ 28 เม.ย. 2568) ก็ยิ่งย้ำว่า “ตลาด” (Market) มีความผันผวนสูงครับ การคาดการณ์จากบางสำนักอย่าง Trading Economics ที่คาดว่า set index 50 จะไปอยู่ที่ 845 จุด ณ สิ้นไตรมาส และ 812 จุดในหนึ่งปี ก็เป็นเพียงการคาดการณ์หนึ่งเท่านั้น ซึ่งอาจจะถูกต้องหรือไม่ก็ได้ครับ
สรุปแล้ว set index 50 ก็เหมือนเป็นกระจกบานใหญ่ที่ส่องให้เห็นภาพรวมของบริษัทชั้นนำในตลาดหุ้นไทยครับ ช่วงนี้จากตัวเลขที่เห็น ก็ต้องยอมรับว่าตลาดกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้านจากปัจจัยเศรษฐกิจต่างๆ ถ้าคุณเป็นนักลงทุน การทำความเข้าใจว่า set index 50 คืออะไร ติดตาม “แนวโน้มตลาด” (Market Trend) และดู “ตัวเลขเศรษฐกิจ” (Economic Indicators) ประกอบ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอครับ อย่าเพิ่งตกใจกับตัวเลขที่ลดลงมากเกินไป ลองมองหาข้อมูลเพิ่มเติม วิเคราะห์สถานการณ์ และพิจารณาเป้าหมายการลงทุนระยะยาวของตัวเองด้วยครับ