SET50: ดัชนีหุ้นที่ต้องรู้ ก่อนลงทุนไม่ให้พลาด!

เคยได้ยินคำว่า SET50 ไหมครับ? หรือเคยเห็นตามหน้าข่าวหุ้นบ่อยๆ เวลาตลาดหุ้นไทยขึ้นลง เขาชอบพูดถึงตัวเลขดัชนี SET50 นี่แหละ มันคืออะไรกันแน่ แล้วทำไมมันถึงสำคัญกับนักลงทุนอย่างเราๆ จังเลย? วันนี้ผมในฐานะคนคุ้นเคยกับวงการเงินๆ ทองๆ จะพาไปเจาะลึกเจ้าดัชนีตัวนี้แบบเข้าใจง่ายๆ เหมือนคุยกับเพื่อนเลยครับ

ลองนึกภาพว่าตลาดหุ้นไทยเหมือนสนามฟุตบอลใหญ่ๆ ที่มีนักเตะเก่งๆ เพียบ ดัชนี SET50 เนี่ย ก็เหมือนการรวบรวมเอา “สุดยอดนักเตะ 50 คนแรก” ที่มีมูลค่าสูงสุดและซื้อขายกันคึกคักที่สุดในสนามนี้ มาจัดเป็นทีมพิเศษขึ้นมานั่นแหละครับ ทีมนี้แหละที่จะสะท้อนภาพรวมฟอร์มการเล่นของทั้งสนามได้ค่อนข้างดี

SET50 ย่อมาจาก Thailand Stock Exchange 50 Index เป็นดัชนีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เขาจัดทำขึ้นมา เพื่อใช้ติดตามความเคลื่อนไหวของราคา *set50 หุ้น* สามัญขนาดใหญ่ 50 ตัวแรกที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในตลาด พูดง่ายๆ คือเป็น “ดัชนีราคาหุ้น” ของบริษัทชั้นนำของประเทศเรานี่แหละครับ ซึ่งนอกจาก SET50 แล้ว ก็ยังมี SET100 ที่รวม 100 ตัวแรกด้วยนะ แต่ SET50 จะเน้นที่ตัวใหญ่จี๊ดจ๊าดจริงๆ

ทำไมเจ้าดัชนี SET50 ถึงสำคัญ? ก็เพราะว่ามันเป็นเครื่องมือชั้นดีเลยครับ
1. **ดูทิศทางตลาด:** ถ้า SET50 ขึ้น ส่วนใหญ่ก็แปลว่าตลาดหุ้นภาพรวมกำลังคึกคัก แต่ถ้าลงก็ต้องระวังหน่อย
2. **หาไอเดียลงทุน:** *set50 หุ้น* ที่อยู่ในดัชนีนี้ ส่วนมากเป็นบริษัทใหญ่ มีพื้นฐานดี มีสภาพคล่องสูง เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนหลายๆ คน
3. **จัดการพอร์ต:** ช่วยให้นักลงทุนวางแผนการลงทุนได้ว่าจะเน้น *set50 หุ้น* ใหญ่ หรือจะไปทางอื่น

การคำนวณดัชนี SET50 เขาจะใช้ “มูลค่าตลาด” (Market Capitalization) เป็นหลักครับ หุ้นตัวไหนมูลค่าตลาดรวมสูงๆ น้ำหนักในดัชนีก็จะเยอะตามไปด้วย เหมือนนักเตะค่าตัวแพงๆ ก็จะมีผลกับฟอร์มทีมมากกว่านั่นแหละ

ทีนี้ เจ้าทีม SET50 เนี่ย ไม่ใช่ว่าจะคงที่ตลอดไปนะครับ ทุกๆ 6 เดือน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการ “ปรับรายชื่อหุ้น” ในดัชนีทีนึง เหมือนโค้ชมาดูฟอร์มว่าใครยังเจ๋งอยู่ ใครฟอร์มตก ก็จะมี *set50 หุ้น* ที่ได้เข้าใหม่และที่ต้องออกไป

แล้วการปรับรายชื่อนี้มันมีผลยังไง? อันนี้สำคัญเลยครับ โดยเฉพาะกับ “กองทุน” ที่เขาเน้นลงทุนตามดัชนี (ที่เรียกว่า Passive Fund หรือ กองทุนรวมดัชนี SET50) พอรายชื่อเปลี่ยน กองทุนเหล่านี้ *ต้อง* ปรับพอร์ตตามครับ คือขาย *set50 หุ้น* ตัวที่หลุดจากดัชนีออกไป แล้วก็ซื้อ *set50 หุ้น* ตัวใหม่ที่เข้ามาใส่พอร์ต

ลองนึกภาพว่ามีกองทุนใหญ่ๆ หลายกอง ทั้งของไทยและต่างประเทศ ที่ใช้ SET50 เป็นตัวอ้างอิง พอมันต้องซื้อต้องขายพร้อมๆ กัน มันก็เกิด “แรงซื้อ” หรือ “แรงขาย” ที่มีนัยสำคัญกับราคา *set50 หุ้น* ตัวนั้นๆ ได้เลยครับ โดยเฉพาะ *set50 หุ้น* ที่ได้เข้าใหม่ก็มักจะมีแรงซื้อเข้ามา ส่วนตัวที่หลุดก็อาจเจอแรงขายออกไป

* คุณอาจจะสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าแรงซื้อแรงขายจากตรงนี้มันจะเยอะแค่ไหน?

อันนี้เราต้องดูขนาดของกองทุนที่อิงดัชนี SET50 ครับ ยิ่งมีกองทุนใหญ่ๆ อิงอยู่เยอะเท่าไหร่ ผลกระทบจากการปรับพอร์ตก็จะยิ่งมากเท่านั้น ซึ่งข้อมูลจากหลายแหล่ง อย่างเช่น www.thaiwarrant.com ก็มักจะมีการประเมินผลกระทบตรงนี้ออกมาให้นักลงทุนได้ดูกันล่วงหน้าด้วย

* แล้วถ้าเกิดมี *set50 หุ้น* ตัวไหนที่สภาพคล่องไม่พอตอนกองทุนต้องซื้อขายเยอะๆ ล่ะ?

ก็อาจจะทำให้ราคาหุ้นตัวนั้นผันผวนได้ครับ บางทีกองทุนก็อาจจะเริ่มปรับพอร์ตล่วงหน้าก่อนวันที่มีผลจริงๆ หลายวันด้วยซ้ำ เพื่อเลี่ยงปัญหานี้

ประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่องเกี่ยวกับ SET50 ก็คือเรื่องการพิจารณา “จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัว” หรือ Capped Market-Weighted ครับ ตอนนี้การคำนวณดัชนี SET50 เราใช้น้ำหนักตามมูลค่าตลาดตรงๆ เลย ทำให้บางช่วงเวลา ถ้ามี *set50 หุ้น* ตัวไหนที่มูลค่าตลาดใหญ่มากๆๆๆ อย่างเช่น DELT A ที่ช่วงหนึ่งมีน้ำหนักในดัชนีถึง 12-13% (ข้อมูลจาก บล. เคจีไอ โดยคุณเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ เคยกล่าวไว้) ดัชนี SET50 ทั้งหมดก็จะแกว่งตาม *set50 หุ้น* ตัวนี้อย่างมีนัยสำคัญ

แนวคิดเรื่องการจำกัดน้ำหนักไม่ให้ *set50 หุ้น* ตัวใดตัวหนึ่งเกิน 10% เนี่ย มีมาเพื่อให้ดัชนี SET50 สะท้อนภาพรวมของทั้ง 50 ตัวได้ดีขึ้น ไม่ให้ถูกครอบงำด้วย *set50 หุ้น* เพียงไม่กี่ตัว

* แล้วถ้ามีการจำกัดน้ำหนักจริง จะเกิดอะไรขึ้น?

หาก *set50 หุ้น* ส่วนใหญ่อยู่นิ่งๆ แต่มีตัวที่น้ำหนักเกิน 10% อยู่ กองทุนที่ตามดัชนีแบบเป๊ะๆ ก็อาจจะต้องขาย *set50 หุ้น* ตัวที่น้ำหนักเกินนั้นออกไป เพื่อลดให้เหลือตามเกณฑ์ใหม่ แต่ถ้าช่วงนั้น *set50 หุ้น* ตัวอื่นๆ ในดัชนีปรับขึ้นได้ดี น้ำหนักรวมของ *set50 หุ้น* ตัวใหญ่สุดอาจจะลดลงเองตามสัดส่วนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีแรงขายหนักๆ ครับ ประเด็นนี้ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียในการสะท้อนภาวะตลาดที่แท้จริง นักลงทุนก็ต้องติดตามข่าวสารใกล้ชิด

* แล้วถ้าเราเป็นนักลงทุนธรรมดาๆ อยากลงทุนใน *set50 หุ้น* ทำยังไงให้ง่ายและกระจายความเสี่ยงได้ดีที่สุดล่ะ?

นี่แหละครับที่ “กองทุนรวมดัชนี SET50” เข้ามามีบทบาท กองทุนประเภทนี้มีนโยบายชัดเจนเลยว่าจะลงทุนใน *set50 หุ้น* ทั้ง 50 ตัวที่อยู่ในดัชนีตามสัดส่วนน้ำหนักเป๊ะๆ เป้าหมายคือสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี SET50 ที่สุด

กองทุน SET50 Index Fund เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน *set50 หุ้น* ขนาดใหญ่ของไทย โดยไม่ต้องมานั่งเลือก *set50 หุ้น* เองทีละตัว เหมาะมากๆ กับ:

* **มือใหม่:** ยังไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเลือก *set50 หุ้น* รายตัว ก็ลงทุนในกองทุนนี้เหมือนได้เหมา *set50 หุ้น* ตัวท็อปไปเลย
* **เน้นกระจายความเสี่ยง:** แทนที่จะลง *set50 หุ้น* ตัวเดียว ก็ได้ลงทุนใน 50 ตัวพร้อมกัน ความเสี่ยงก็กระจายออกไป
* **นักลงทุนระยะยาว:** *set50 หุ้น* ส่วนใหญ่ในดัชนีเป็นบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตมั่นคงในระยะยาว การลงทุนผ่านกองทุนก็เหมาะกับการถือยาวๆ

ข้อดีเด่นๆ ของกองทุน SET50 Index Fund คือเป็น Passive Fund คือลงทุนตามดัชนี ไม่ต้องมีผู้จัดการกองทุนมาคอยเลือก *set50 หุ้น* เพื่อเอาชนะตลาด ทำให้โดยทั่วไปแล้ว “ค่าธรรมเนียม” จะถูกกว่ากองทุนแบบ Active Fund มากครับ

นอกจากนี้ กองทุน SET50 Index Fund ก็มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบที่จ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วย หรือแบบที่ไม่จ่ายปันผล (เน้นนำกำไรกลับไปลงทุนต่อ) และยังมีแบบที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะ เช่น SSF (Super Savings Fund) หรือ RMF (Retirement Mutual Fund) ถ้าสนใจก็ลองเข้าไปดูข้อมูลเปรียบเทียบกองทุนเหล่านี้ได้บนแพลตฟอร์มอย่าง FINNOMENA FUNDS ที่เขารวบรวมไว้ให้ครับ

ในบรรดา *set50 หุ้น* ทั้งหมดเนี่ย ก็จะมีตัวท็อปๆ ที่เรารู้จักกันดีและมีน้ำหนักในดัชนีสูงๆ เช่น DELT A (พวกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์), AOT (สนามบิน), PTT (บริษัทพลังงานแห่งชาติ), ADVANC (ผู้ให้บริการมือถือและดิจิทัล), PTTEP (สำรวจและผลิตปิโตรเลียม), GULF (ธุรกิจไฟฟ้า), CPALL (ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven), BDMS (เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ) เป็นต้น *set50 หุ้น* เหล่านี้เป็นเหมือนแกนหลักของดัชนี SET50 เลยครับ

สรุปแล้ว ดัชนี SET50 ก็เหมือนมาตรวัดสุขภาพและฟอร์มการเล่นของ *set50 หุ้น* ตัวท็อปๆ ในตลาดหุ้นไทย การทำความเข้าใจว่า SET50 คืออะไร มีการปรับเปลี่ยนยังไง และมีประเด็นอะไรที่น่าติดตามบ้าง จะช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพรวมตลาดได้ชัดเจนขึ้น และใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นการเลือก *set50 หุ้น* รายตัว หรือการลงทุนแบบง่ายๆ ผ่านกองทุนรวมดัชนี SET50

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจการลงทุนในตลาดหุ้นไทย การศึกษาเรื่อง *set50 หุ้น* และดัชนี SET50 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ ครับ

⚠️ **ข้อควรระวัง:** การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงนะครับ ราคา *set50 หุ้น* หรือดัชนี SET50 สามารถขึ้นลงได้ตามปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ผลประกอบการของบริษัท ข่าวสารต่างๆ รวมถึงแรงซื้อแรงขายในตลาด ก่อนตัดสินใจลงทุนใน *set50 หุ้น* ตัวใดตัวหนึ่ง หรือในกองทุนรวมดัชนี SET50 ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอครับ หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาตนะครับ

Leave a Reply