SET100 รายชื่อ: สุดยอดหุ้นไทย ที่นักลงทุนต้องรู้!

สวัสดีครับ/ค่ะ นักลงทุนทุกท่านที่ติดตามคอลัมน์การเงินแบบบ้านๆ ที่เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง!

หลายคนอาจจะเคยได้ยินข่าวสารตลาดหุ้นไทย มีการพูดถึงดัชนี SET Index กันบ่อยๆ ว่าวันนี้ขึ้นกี่จุด ลงกี่จุด มูลค่าซื้อขายเท่าไหร่ เหมือนดูพยากรณ์อากาศประจำวันเลยใช่ไหมครับ/คะ? (ข้อมูลล่าสุดจากตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 19 เมษายน 2568 ตลาดปิดไปแล้ว ดัชนี SET ปิดอยู่ที่ 1,5xx กว่าจุด มูลค่าซื้อขายประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาทในวันนั้นนะ)

แต่รู้ไหมว่าในตลาดหุ้นไทยที่เต็มไปด้วยบริษัทจดทะเบียนมากมาย มีกลุ่มหุ้นที่ได้รับการจับตาเป็นพิเศษอยู่กลุ่มหนึ่ง นั่นคือ หุ้นที่อยู่ในดัชนี SET100 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมเอา “สุดยอดหุ้น” 100 อันดับแรกของตลาดฯ มาไว้ด้วยกัน วันนี้เราจะมาคุยกันว่า set100 รายชื่อ เนี่ย มันสำคัญยังไง ทำไมถึงมีคนสนใจ และนักลงทุนอย่างเราๆ จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้ได้ยังไงบ้าง

**SET100 คืออะไร? ทำไมต้องมีรายชื่อนี้?**

ลองนึกภาพตามนะครับ/คะ ถ้า SET Index คือภาพรวมตลาดหุ้นไทยทั้งหมด ที่มีทั้งหุ้นตัวใหญ่จัมโบ้ หุ้นตัวกลางๆ ไปจนถึงหุ้นตัวเล็กจิ๋ว SET100 ก็เปรียบเสมือน “ทีมรวมดารา” หรือ “ลีกสูงสุด” ของหุ้นไทยเลยก็ว่าได้ (ถ้า SET50 คือตัวท็อป 50 หุ้นใหญ่สุดๆ) SET100 ก็คือตัวท็อป 100 ที่ใหญ่รองลงมาหน่อย แต่ก็ยังใหญ่และมีความเคลื่อนไหวคึกคักมากๆ

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเขาอธิบายไว้ชัดเจนว่า ดัชนี SET100 นี่คือตัวชี้วัดที่คำนวณมาจากหุ้นสามัญ 100 ตัวแรกที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization หรือมูลค่าบริษัทรวม) สูง และมีการซื้อขายที่คึกคัก (สภาพคล่องสูง) ถือเป็นมาตรฐานสำคัญที่กองทุนต่างๆ หรือนักลงทุนสถาบันมักจะใช้อ้างอิงในการลงทุน

คุณอาจจะถามว่า แล้วหุ้นตัวไหนจะได้เข้าไปอยู่ใน set100 รายชื่อ นี้ล่ะ? มันไม่ได้สุ่มเลือกนะ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เขามีเกณฑ์เป๊ะๆ เลยครับ/ค่ะ เช่น
* ต้องเป็นหุ้นที่จดทะเบียนมานานพอสมควร (ไม่น้อยกว่า 6 เดือน)
* ต้องมีสัดส่วนหุ้นที่คนทั่วไปถือ (Free-float) เยอะพอสมควร (ตั้งแต่ 20% ขึ้นไป) เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มีเจ้าของใหญ่คนเดียวถือไว้หมด
* ต้องมีการซื้อขายเปลี่ยนมือบ่อยๆ (สภาพคล่องสูง)

แล้วเขาก็จะมีการคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าบริษัท คือหุ้นตัวไหนใหญ่มากๆ ก็จะมีผลต่อการขึ้นลงของดัชนี SET100 มากกว่าหุ้นตัวเล็กกว่าในกลุ่มเดียวกัน

**set100 รายชื่อ เปลี่ยนแปลงได้นะ รู้ยัง?**

ความน่าสนใจของ set100 รายชื่อ อยู่ตรงที่มันไม่นิ่งครับ/ค่ะ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการทบทวนและประกาศรายชื่อใหม่ทุกครึ่งปี นั่นหมายความว่าทุกๆ 6 เดือน จะมีหุ้นบางตัวที่ผลงานดี หรือขนาดใหญ่ขึ้น เข้ามาอยู่ในทำเนียบนี้ และมีหุ้นบางตัวที่อาจจะผลงานไม่ดี หรือขนาดเล็กลง ต้องออกจากกลุ่มไป

ลองดูย้อนหลังไปหน่อยนะครับ/คะ ตามข้อมูลที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เคยประกาศไว้:

* **รอบครึ่งปีหลัง ปี 2567 (มีผล 1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2567):** มีหุ้นหลายตัวเลยที่ได้เข้า set100 รายชื่อ ใหม่ เช่น BA, BJC, CKP, JAS, MBK, PRM, QH, SKY, TIPH การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด ซึ่งแน่นอนว่าก็มีหุ้นบางตัวที่ต้องหลุดออกไป (แม้ในข้อมูลที่เรามีจะไม่ได้ระบุชื่อชัดเจน แต่ก็ต้องมีเพื่อให้จำนวนครบ 100 ตัวพอดี)
* **รอบครึ่งปีหลัง ปี 2566 (มีผล 1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2566):** รอบนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน มีหุ้นใหม่ที่เข้ามาใน set100 รายชื่อ ถึง 8 ตัว เช่น AURA, BTG, ERW, MBK, SNNP, STEC, TASCO, TLI

การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญต่อนักลงทุนมากๆ นะครับ/คะ เพราะกองทุนรวมบางประเภท โดยเฉพาะกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) เขาจะลงทุนตาม set100 รายชื่อ เป๊ะๆ เลย ถ้าหุ้นตัวไหนได้เข้า ก็อาจจะมีแรงซื้อจากกองทุนพวกนี้ไหลเข้ามา ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้น ส่วนหุ้นตัวไหนหลุดออก ก็อาจจะมีแรงขายจากกองทุนพวกนี้ ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวลงได้

**ส่อง set100 รายชื่อ (แบบคาดการณ์) รอบหน้า… จะมีใครเข้าใครออก?**

ที่เด็ดกว่าการประกาศรายชื่อจริง คือ “การคาดการณ์” ครับ/ค่ะ! ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศ official list ออกมา นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ก็จะทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อคาดการณ์ว่า set100 รายชื่อ รอบถัดไปน่าจะมีหุ้นตัวไหนเข้า หรือตัวไหนออก ซึ่งข้อมูลนี้ก็เป็นประโยชน์มากๆ สำหรับนักลงทุนที่อยากจะวางแผนล่วงหน้า

อย่างบทวิเคราะห์ของ บล. กรุงศรี (อ้างอิงจาก The Bangkok Insight) ที่คาดการณ์ set100 รายชื่อ สำหรับ **รอบครึ่งปีแรก ปี 2568 (มีผล 1 มกราคม – กลางปี 2568):**

* **คาดว่ามีโอกาสเข้า:** JTS, CCET, PR9, COCOCO (ประมาณ 4 บริษัทนี้)
* **คาดว่าจะหลุด:** MBK, RBF, TIPH, TOA

นักวิเคราะห์เขาบอกว่า ข้อมูลนี้อิงจากผลการดำเนินงานและข้อมูลการซื้อขายในช่วงเดือนธันวาคม 2566 ถึงพฤศจิกายน 2567 เพื่อให้นักลงทุนใช้เตรียมตัวก่อนประกาศจริง

**แล้วนักลงทุนใช้ข้อมูล set100 รายชื่อ (ทั้งจริงและคาดการณ์) ยังไงดี?**

นี่แหละคือหัวใจสำคัญ! การรู้หรือคาดการณ์ set100 รายชื่อ ล่วงหน้าเนี่ย เอามาทำอะไรได้หลายอย่างเลยครับ/ค่ะ

1. **วางแผนเก็งกำไร:** ถ้ามีหุ้นตัวไหนถูกคาดการณ์ว่าจะได้เข้า set100 รายชื่อ นักลงทุนที่ชอบเก็งกำไรก็อาจจะเข้าไปซื้อดักไว้ก่อน หวังว่าเมื่อประกาศจริงแล้วจะมีแรงซื้อจากกองทุนรวมดัชนีเข้ามาหนุนราคา (แต่จำไว้ว่านี่คือการคาดการณ์นะ ไม่ใช่ของจริง 100%) อย่างที่ บล. กรุงศรี แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 (ซึ่งกลยุทธ์คล้ายกันสำหรับ SET100) เช่น SAWAD หรือ BANPU โดยมองจากแนวโน้มธุรกิจและผลประกอบการ
2. **หลีกเลี่ยงความเสี่ยง:** ในทางกลับกัน ถ้ามีหุ้นตัวไหนถูกคาดการณ์ว่าจะหลุดจาก set100 รายชื่อ นักลงทุนที่ถือหุ้นนั้นอยู่ หรือกำลังจะซื้อ ก็อาจจะต้องพิจารณาให้ดี เพราะมีโอกาสที่จะเจอแรงขายจากกองทุนได้
3. **ใช้เป็นตัวกรองหุ้น:** สำหรับนักลงทุนระยะยาว set100 รายชื่อ ก็เป็นเหมือนลิสต์เริ่มต้นที่ดี เพราะหุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีพื้นฐานค่อนข้างดี มีการซื้อขายที่ง่าย (สภาพคล่องสูง) เหมาะกับการลงทุน
4. **เปรียบเทียบผลงาน:** ถ้าคุณถือหุ้นตัวไหนอยู่ใน set100 รายชื่อ คุณก็สามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนของหุ้นตัวนั้นกับดัชนี SET100 ได้ เพื่อดูว่าหุ้นของคุณวิ่งตามตลาด หรือวิ่งได้ดีกว่า/แย่กว่าตลาดโดยรวม

**แค่ set100 รายชื่อ พอไหมในการตัดสินใจลงทุน?**

คำตอบคือ “ไม่พอ” ครับ/ค่ะ! set100 รายชื่อ เป็นแค่จุดเริ่มต้นหรือปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาเท่านั้น การที่หุ้นตัวหนึ่งได้เข้าหรือหลุดจากดัชนี ไม่ได้แปลว่าหุ้นตัวนั้นจะดีหรือไม่ดีเสมอไป

ยกตัวอย่างย้อนหลังไปดู **ช่วงครึ่งปีแรก ปี 2564** ตลาดหุ้นไทยโดยรวมปรับตัวขึ้นมา 9.6% จากสิ้นปี 2563 มีหุ้นหลายตัวใน set100 รายชื่อ ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงมากๆ ชนิดที่ต้องขยี้ตาดู เช่น หุ้น PSL ที่ราคาพุ่งไปกว่า 175% หรือหุ้น RBF ที่บวกไป 137.63%

ทำไมหุ้นพวกนี้ถึงขึ้นแรงขนาดนั้น? นักวิเคราะห์จาก บล. เคทีบีเอสที ตอนนั้นมองว่า PSL ได้แรงหนุนจากค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ผลประกอบการมีแนวโน้มโดดเด่น ส่วน RBF ก็ได้ปัจจัยบวกจากเรื่องกัญชงที่เพิ่งได้รับใบอนุญาต เป็นต้น

จะเห็นว่า ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แนวโน้มธุรกิจ และผลประกอบการจริง เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้การอยู่ใน set100 รายชื่อ เลยครับ/ค่ะ

เหมือนตอนช่วงปี 2564 ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เคยออกมาเตือนว่า ราคาหุ้นบางกลุ่มเริ่มสูงกว่าผลดำเนินงานที่ควรจะเป็นแล้วนะ นักลงทุนควรพิจารณาพื้นฐานและกระจายความเสี่ยงให้ดี นี่คือตัวอย่างที่บอกว่า อย่าดูแค่รายชื่อในดัชนี ต้องมองลึกเข้าไปถึงตัวบริษัทด้วย

**อยากดู set100 รายชื่อ ปัจจุบัน ทำยังไง?**

ง่ายมากๆ ครับ/ค่ะ ถ้าคุณมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และใช้โปรแกรม Streaming (สตรีมมิ่ง) ไม่ว่าจะบนคอมพิวเตอร์ หรือบนแอปพลิเคชันบนมือถือ ก็สามารถเข้าไปดู set100 รายชื่อ ได้เลย

* **บนคอมพิวเตอร์:** เข้าเว็บไซต์โบรกเกอร์ (เช่น www.bualuang.co.th ถ้าใช้หลักทรัพย์บัวหลวง) เลือกเมนู Streaming พอเข้าโปรแกรมได้แล้ว ไปที่เมนู Market เลือก SET แล้วเลือก .SET100 แค่นี้ก็เห็นรายชื่อหุ้น 100 ตัวแล้วครับ/ค่ะ
* **บนมือถือ (แอป Streaming):** เข้าแอป ใส่ Username, Password เลือกโบรกเกอร์ (เช่น BLS สำหรับหลักทรัพย์บัวหลวง) พอ Login ได้แล้ว ไปที่เมนู Watch ตรง Watchlist ของเรา เลือกหัวข้อ SET แล้วเลือก .SET100 ก็จะเห็นรายชื่อหุ้นในกลุ่มนี้แล้วครับ/ค่ะ

**สรุปแล้ว set100 รายชื่อ มีประโยชน์ยังไงกับเรา?**

set100 รายชื่อ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการมองภาพรวมตลาดหุ้นไทยกลุ่มหุ้นขนาดกลางถึงใหญ่ เป็นเหมือน “รายชื่อตัวเต็ง” ในตลาดฯ การเปลี่ยนแปลงรายชื่อในแต่ละรอบ เป็นข้อมูลที่น่าจับตา เพราะส่งผลต่อกระแสเงินลงทุนของกองทุนรวมดัชนีได้

นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูล set100 รายชื่อ ทั้งที่ประกาศแล้วและที่คาดการณ์ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน วางแผนเก็งกำไร หรือหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า set100 รายชื่อ เป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่คุณต้องพิจารณา การศึกษาข้อมูลพื้นฐานของบริษัทแต่ละตัว ผลประกอบการ แนวโน้มอุตสาหกรรม และการบริหารความเสี่ยง ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืน

**⚠️ คำเตือนย้ำสุดท้ายนะครับ/คะ: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และไม่ควรนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียวหรือกลุ่มเดียว ควรมีการกระจายความเสี่ยงด้วยนะครับ/คะ!**

หวังว่าคอลัมน์นี้จะช่วยให้เรื่อง set100 รายชื่อ และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้ เข้าใจง่ายขึ้นนะครับ/คะ แล้วพบกันใหม่ในคอลัมน์ต่อไปครับ/ค่ะ!

Leave a Reply