SET100 ซึม! ตลาดผันผวน? รู้ทันมาตรการใหม่ ฟื้นความเชื่อมั่น

เพื่อนๆ หลายคนช่วงนี้ทักมาถามผมว่า “พี่คะ/ครับ ตลาดหุ้นเป็นอะไรไปคะ/ครับ ทำไมหุ้นตัวใหญ่ๆ ที่อยู่ใน SET100 มันดูซึมๆ จังเลย?” เออ…จริงอย่างที่ว่านะ ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้มันก็ดูเหมือนจะเจอคลื่นลมแรงอยู่เหมือนกัน ถ้าลองสังเกตดัชนีตัวสำคัญอย่าง Stock Exchange of Thailand SET100 (ดัชนี SET100) ดูก็จะเห็นภาพชัดขึ้นเลยล่ะ

ดัชนี SET100 นี่เปรียบง่ายๆ ก็เหมือนกับการจัดอันดับนักกีฬาตัวท็อป 100 คนแรกของประเทศไทย ที่รวมเอาสุดยอดหุ้น 10 ตัวใหญ่ๆ ในตลาดหุ้นไทย มาวัดผลกันว่าภาพรวมของหุ้นตัวเจ๋งๆ พวกนี้เป็นยังไงบ้าง ซึ่งเจ้า SET100 นี่กับ SET50 (ตัวท็อป 50 คนแรก) เนี่ย เขาเลือกมาจากหุ้นทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยดูจากหลายๆ อย่างประกอบกัน ไม่ใช่แค่ใหญ่สุดอย่างเดียวนะ แต่ต้องดูว่าสภาพคล่องดีไหม ซื้อขายง่ายหรือเปล่า มีนักลงทุนรายย่อยถือหุ้นกระจายตัวดีแค่ไหน หรือที่ศัพท์เทคนิคเขาเรียกว่า Free Float (การกระจายหุ้นให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย) เป็นไงบ้าง

วิธีคำนวณคะแนนของนักกีฬาตัวท็อปพวกนี้ (SET100 และ SET50) เขาก็ใช้แบบเดียวกับดัชนี SET แม่เลย คือคิดแบบถัวเฉลี่ยโดยใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเป็นน้ำหนัก (Market Capitalization Weighted) พูดง่ายๆ คือ หุ้นตัวไหนยิ่งมีมูลค่าตลาดใหญ่ คะแนนก็จะยิ่งมีผลต่อดัชนีมากหน่อย เขาเริ่มคิดคะแนน SET50 มาตั้งแต่ปี 2538 ส่วน SET100 เริ่มปี 2548 โดยตั้งต้นไว้ที่ 1000 จุดเท่ากัน

ที่น่าสนใจคือ รายชื่อนักกีฬาตัวท็อปพวกนี้ไม่ได้อยู่ถาวรนะ ทุกๆ ครึ่งปี เขาจะมีการทบทวนใหม่ (ช่วงเดือนธันวาคมและมิถุนายน) เพื่อคัดเลือกตามสภาพตลาดจริงๆ แล้วประกาศใช้ในเดือนมกราคมและกรกฎาคม ถ้ามีตัวไหนหลุดโผไป ก็จะมีตัวใหม่เข้ามาแทน เพื่อให้ดัชนีมันต่อเนื่อง ไม่สะดุด

ทีนี้มาดูสถานการณ์ล่าสุดของ Stock Exchange of Thailand SET100 (ดัชนี SET100) กันบ้าง จากข้อมูลเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,780.63 จุด ลดลงไป 19.52 จุด คิดเป็นติดลบ 1.08% จากราคาเปิดที่ 1,803.97 จุด ระหว่างวันก็แกว่งตัวพอสมควร ขึ้นไปสูงสุดที่ 1,805.57 จุด แล้วก็ลงไปต่ำสุดที่ 1,776.80 จุด มีปริมาณการซื้อขายรวม 2,200,184 พันหุ้น คิดเป็นมูลค่า 45,234.63 ล้านบาท

ตัวเลขพวกนี้บอกอะไรเรา? มันสะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นไทยซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ในภูมิภาคนี้ ที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันหลายด้าน เหมือนกับนักกีฬาที่ฟอร์มตก เพราะสภาพร่างกาย (เศรษฐกิจไทย) ไม่ค่อยแข็งแรง แถมผลงานบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งก็ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ที่หนักไปกว่านั้นคือช่วงสองปีที่ผ่านมา เราเห็นเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติไหลออกไปอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับกองเชียร์ต่างชาติที่เคยมาเชียร์ติดขอบสนาม ตอนนี้เริ่มทยอยเดินทางกลับบ้านแล้ว ทำให้บรรยากาศในสนามดูเงียบเหงาไปถนัดตา

พอตลาดหุ้นมันดูไม่ค่อยสดใสแบบนี้ มันก็เกิดสิ่งที่เรียกว่าความผันผวนได้ง่าย เหมือนเวลาอากาศแปรปรวน เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวฝนตกหนัก ซึ่งบางครั้งความผันผวนที่มากเกินไปก็อาจทำให้นักลงทุนรู้สึกไม่มั่นคงได้ ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะกรรมการคุมเกม ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนะ ตามที่คุณอาศเดช คงสิริ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เขาบอกว่ากำลังจะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการซื้อขายบางประเภทที่อาจทำให้ราคาหุ้นผันผวนแรงๆ ได้ง่ายๆ

การซื้อขายที่ว่านี้มีหลักๆ สองแบบคือ การขายชอร์ต (Short Selling) ซึ่งก็คือการยืมหุ้นมาขายก่อนในราคาที่คิดว่าจะสูง แล้วค่อยไปซื้อคืนทีหลังในราคาที่ต่ำกว่าเพื่อทำกำไรจากการที่ราคาหุ้นลง กับ การซื้อขายความถี่สูง (High-Frequency Trading – HFT) คือการส่งคำสั่งซื้อขายด้วยความเร็วสูงมากๆ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งการซื้อขายสองแบบนี้ถ้าไม่มีการกำกับดูแลที่ดีพอ อาจทำให้ราคาหุ้นเหวี่ยงขึ้นลงเร็วเกินไป จนนักลงทุนทั่วไปตามไม่ทัน หรือรู้สึกว่าตลาดไม่เป็นธรรม

มาตรการใหม่ที่กำลังจะออกมานี้ จะเน้นไปที่การจำกัดการซื้อขาย Short Selling และ High-Frequency Trading ให้เข้มงวดขึ้น โดยจะโฟกัสไปที่หุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET100 เป็นหลัก เหมือนกับบอกว่า กติกาใหม่ที่เข้มขึ้นจะใช้กับนักกีฬาตัวท็อป 100 คนนี้ก่อนนะ เพื่อให้การแข่งขันของพวกเขาเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรมที่สุด เป้าหมายก็เพื่อลดความผันผวน เพิ่มเสถียรภาพให้กับตลาด และที่สำคัญคือฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่อาจจะห่อเหี่ยวไปบ้าง

ตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุญาตให้ขายชอร์ตหุ้นใน SET100 และหุ้นอื่นๆ ได้ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง ส่วนการซื้อขายความถี่สูงก็ยังไม่มีข้อจำกัดที่ชัดเจนนัก แม้ก่อนหน้านี้จะเคยมีมาตรการให้ผู้ซื้อขาย HFT ต้องลงทะเบียนก่อน แต่มาตรการใหม่นี้จะเข้มข้นขึ้นไปอีก ซึ่งคาดว่าจะนำมาใช้ได้จริงในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ หลังจากผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว

ที่ผ่านมา มูลค่าการขายชอร์ตในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน ก็มีมูลค่าไม่น้อยนะ อยู่ที่ประมาณ 2.4 แสนล้านบาท คิดเป็นประมาณร้อยละ 4 ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งหมด ซึ่งตัวเลขนี้ก็แสดงให้เห็นว่าการขายชอร์ตมีบทบาทพอสมควรในตลาด

ถ้ามองภาพตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยรวม ณ เดือนตุลาคม 2566 เรามีบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 855 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Cap) สูงถึง 17.212 ล้านล้านบาท สำหรับตลาดหลัก (SET) และ 4.22 แสนล้านบาท สำหรับตลาดรอง (mai) ถือเป็นตลาดทุนขนาดใหญ่ของประเทศ

แต่ถ้าดูจากผลตอบแทนย้อนหลังของดัชนี SET ก็ต้องบอกว่าเจอแรงกดดันมาต่อเนื่องเหมือนกันนะ ทั้ง 5 วันย้อนหลัง (-1.96%), 1 เดือน (-6.20%), 3 เดือน (-16.81%), ตั้งแต่ต้นปี (YTD: -13.80%) และ 1 ปี (-11.94%) ตัวเลขพวกนี้สะท้อนความท้าทายที่ตลาดกำลังเผชิญอยู่ ลองเทียบกับจุดสูงสุดระหว่างวันที่ SET เคยทำได้คือ 1852.51 จุด เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ก็จะเห็นว่าตอนนี้เราอยู่ห่างจากจุดนั้นพอสมควรเลย

สรุปแล้ว ตลาดหุ้นไทยโดยรวม รวมถึงหุ้นใหญ่ๆ ใน Stock Exchange of Thailand SET100 (ดัชนี SET100) ช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงที่ต้องเผชิญกับปัจจัยลบทั้งจากสภาพเศรษฐกิจ ผลประกอบการบริษัท และเงินทุนต่างชาติที่ไหลออก แต่ในขณะเดียวกัน ผู้กำกับดูแลอย่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็กำลังเตรียมมาตรการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความเชื่อมั่นให้กับตลาด โดยเน้นไปที่หุ้นกลุ่ม SET100 นี่แหละ

สำหรับนักลงทุน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเลขต่างๆ ที่แสดงถึงสภาพตลาด และมาตรการใหม่ๆ ที่กำลังจะถูกนำมาใช้ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของเราทั้งสิ้น

⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ/คะ การวิเคราะห์นี้อ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะตลาดและนโยบายที่เกี่ยวข้อง

Leave a Reply