
เคยไหมครับ เวลาเปิดดูข่าวหุ้น หรือแอปพลิเคชันซื้อขายหลักทรัพย์ แล้วเจอคำว่า “ดัชนี SET100” หรือ “SET50” ขึ้นมาอยู่บ่อยๆ บางทีก็งงๆ ว่ามันคืออะไรกันแน่ แล้วมันสำคัญกับเรานักลงทุนตาดำๆ ยังไง? วันนี้ผมในฐานะคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการมาพอสมควร จะมาเล่าให้ฟังแบบง่ายๆ สไตล์เพื่อนสู่เพื่อน ว่าเจ้า set 100 คืออะไร และทำไมเราถึงควรทำความรู้จักกับมัน
ลองนึกภาพตามนะครับ ตลาดหุ้นไทยเนี่ย ก็เหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ มีสินค้า (หุ้น) วางอยู่เต็มไปหมดเป็นพันๆ ชนิด ถ้าเราอยากรู้ภาพรวมว่าวันนี้ซูเปอร์มาร์เก็ตนี้คึกคักแค่ไหน ยอดขายดีไหม หรือบรรยากาศโดยรวมเป็นยังไง เราคงไม่ต้องไปเดินนับราคาสินค้าทุกชิ้นใช่ไหมครับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เขาเลยสร้างสิ่งที่เรียกว่า “ดัชนี” ขึ้นมา เพื่อเป็นเหมือนเข็มวัดบรรยากาศโดยรวมของตลาดหุ้น หรือบางส่วนของตลาดนั่นเอง
แล้ว set 100 คืออะไร ล่ะ? มันก็คือหนึ่งในดัชนีสำคัญที่ ตลท. เขาคำนวณขึ้นมาครับ พูดให้เข้าใจง่ายที่สุด มันคือการเอา “หุ้นตัวใหญ่” และมี “สภาพคล่อง” สูง 100 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ มารวมกัน แล้วคำนวณเป็นค่าออกมาตัวหนึ่ง เพื่อสะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มนี้

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “SET Index” อันนั้นคือดัชนีหลักที่รวมหุ้นเกือบทั้งหมดในตลาด แต่ SET100 จะโฟกัสไปที่กลุ่มที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เหมือนเป็นกลุ่มสินค้าขายดีประจำซูเปอร์มาร์เก็ตนั่นแหละครับ หุ้นที่อยู่ใน SET100 มักจะเป็นบริษัทที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เป็นแกนหลักของเศรษฐกิจประเทศ
นอกจาก SET100 แล้ว ยังมีอีกเวอร์ชันที่เรียกว่า SET100FF ซึ่งคำนวณคล้ายๆ กัน แต่จะมีการถ่วงน้ำหนักด้วย “สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย” หรือที่เรียกว่า Free Float (ฟรีโฟลต) เพิ่มเติมเข้าไปอีก ทำให้ดัชนี SET100FF ตัวนี้สะท้อนสภาพการซื้อขายจริงในตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น เพราะไม่นับรวมหุ้นที่เจ้าของใหญ่ๆ เขาถือไว้เยอะๆ แล้วไม่ค่อยนำออกมาซื้อขายครับ
ทีนี้ ถ้า set 100 คืออะไร ที่รวมหุ้นตัวใหญ่ 100 ตัว แล้ว “SET50” ล่ะ คืออะไร? ก็ง่ายๆ เลยครับ SET50 ก็คือดัชนีที่คัดเอาหุ้นตัวท็อป 50 อันดับแรก จากในกลุ่ม SET100 อีกทีนึง พูดง่ายๆ คือ ถ้า SET100 คือ 100 ตัวใหญ่ SET50 ก็คือ 50 ตัวที่ใหญ่ที่สุดและสภาพคล่องสูงสุดในกลุ่มนั้นอีกที ดัชนี SET50 นี่เป็นที่นิยมมากๆ ครับ ใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงกันแพร่หลาย ทั้งในการวิเคราะห์และออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ
แล้วตลาดหุ้นไทยมีแค่ SET50 กับ SET100 หรือเปล่า? โอโห ไม่งั้นตลาดจะดูน่าเบื่อไปหน่อยครับ ตลท. เขามีดัชนีอื่นๆ อีกเพียบเลยนะ แยกตามลักษณะหุ้นต่างๆ ไปอีกเพ่นพ่านเต็มไปหมด เช่น
* **sSET:** ดัชนีนี้รวมหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่ไม่ได้อยู่ใน SET50 หรือ SET100 แต่ก็ยังมีสภาพคล่องใช้ได้
* **SETHD:** อันนี้สำหรับสายชอบปันผลโดยเฉพาะครับ เป็นดัชนีที่รวมหุ้นที่มีประวัติจ่ายปันผลสูงและสม่ำเสมอ
* **SETCLMV:** ถ้าสนใจหุ้นที่ทำมาค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ดัชนีนี้จะรวมหุ้นที่มีรายได้หลักมาจากกลุ่มประเทศ CLMV ครับ
* **SETTHSI:** อันนี้มาแรงในช่วงหลังๆ เป็นดัชนีที่คัดเลือกหุ้นจากบริษัทที่มีการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลดี (ESG) หรือหุ้นยั่งยืนนั่นเอง
* **SETWB:** ดัชนีกลุ่ม Well-being หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี เช่น สุขภาพ ท่องเที่ยว สันทนาการ กลุ่มนี้น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติด้วยนะครับ
* **mai Index:** อันนี้เป็นดัชนีสำหรับตลาดหลักทรัพย์ mai โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นตลาดสำหรับหุ้นขนาดกลางและเล็กอีกรูปแบบหนึ่ง
จะเห็นว่าดัชนีต่างๆ เหล่านี้ มันเหมือนเป็นตัวช่วยให้เราจัดหมวดหมู่หุ้นได้ง่ายขึ้น ถ้าเราสนใจหุ้นประเภทไหน หรืออยากดูภาพรวมของกลุ่มไหน ก็สามารถดูจากดัชนีเฉพาะกลุ่มได้เลย

ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญ แล้วเจ้าดัชนี SET50 กับ set 100 คืออะไร ที่สำคัญกับนักลงทุนอย่างเรา? ประโยชน์ของมันมีหลายข้อเลยครับ
1. **เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ตลาด:** เวลาเราดูข่าวหรือบทวิเคราะห์ เขาพูดถึง SET100 บวกกี่จุด หรือ SET50 ลงกี่จุด มันช่วยให้เราเห็นภาพรวมได้ทันทีว่าวันนี้หุ้นตัวใหญ่ๆ เป็นยังไง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหุ้นตัวใหญ่ก็มักจะนำตลาด ถ้า SET100 หรือ SET50 ขึ้น ตลาดโดยรวมก็มักจะดูดีครับ
2. **ช่วยคัดกรองหุ้นเบื้องต้น:** หุ้นที่ติดอยู่ใน SET100 หรือ SET50 แปลว่าเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ สภาพคล่องสูง ผ่านเกณฑ์คัดเลือกของ ตลท. มาแล้วระดับหนึ่ง ถือเป็นรายชื่อเริ่มต้นที่ดีในการมองหาหุ้นลงทุน โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ตัวใหญ่ๆ
3. **ใช้อ้างอิงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน:** ดัชนี SET100 และ SET50 ถูกใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากมายครับ เช่น กองทุนรวมดัชนี (Index Fund) หรือที่นิยมเรียกกันว่า ETF (Exchange Traded Fund) ที่จะลงทุนล้อไปตามหุ้นในดัชนีนั้นๆ หรือแม้กระทั่งตราสารอนุพันธ์อย่าง SET100 Index Futures หรือ SET50 Index Options ที่ให้เราเก็งกำไรตามทิศทางของดัชนีได้โดยไม่ต้องซื้อหุ้นจริงๆ ครบทุกตัว
4. **สะท้อนความเชื่อมั่น:** การที่หุ้นใน SET100 หรือ SET50 ปรับตัวขึ้นลง มักจะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมหลักๆ ของประเทศ
แล้วถ้าอยากลงทุนใน SET100 หรือ SET50 ล่ะ? อย่างที่บอกครับ เราไม่สามารถเดินไปบอกโบรกเกอร์ว่า “ซื้อ SET100 ให้หน่อย 100 หุ้น” แบบนั้นไม่ได้นะ การลงทุนในดัชนีเหล่านี้ต้องทำผ่านเครื่องมือทางการเงินที่เขาสร้างมาเพื่ออ้างอิงดัชนีโดยเฉพาะครับ เช่น
* **กองทุน ETF ที่อิงดัชนี:** ยกตัวอย่างเช่น กองทุน ThaiDEX SET100 ETF ที่มีซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เราสามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนนี้ได้ง่ายๆ เหมือนซื้อหุ้นตัวหนึ่ง กองทุนเขาก็จะเอาเงินเราไปลงทุนในหุ้น 100 ตัวตามสัดส่วนในดัชนี SET100 ให้เอง เราก็เหมือนได้ลงทุนกระจายตัวในหุ้นใหญ่ 100 ตัวไปพร้อมๆ กัน
* **ตราสารอนุพันธ์:** เช่น SET100 Index Futures หรือ Options พวกนี้เป็นการทำสัญญาล่วงหน้าเพื่อเก็งกำไรทิศทางของดัชนี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เข้าใจความเสี่ยงของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ครับ (ต้องเปิดบัญชี TFEX ต่างหากนะ)
อีกเรื่องที่ควรรู้ก็คือ รายชื่อหุ้นใน SET50 และ SET100 ไม่ได้คงที่ตลอดไปนะครับ ตลท. เขาจะมีการทบทวนและปรับปรุงรายชื่อทุก 6 เดือน เพื่อให้ดัชนีมีความทันสมัย และสะท้อนภาพตลาดปัจจุบันจริงๆ โดยจะดูจากเกณฑ์ต่างๆ เช่น มูลค่าตลาด, สภาพคล่องในการซื้อขาย และสัดส่วน Free Float ของหุ้นตัวนั้นๆ
การเปลี่ยนแปลงรายชื่อหุ้นเข้า-ออกดัชนีนี้สำคัญมากนะครับ เพราะกองทุนรวมต่างๆ ที่เขาลงทุนตามดัชนี ก็จะต้องปรับพอร์ตตามไปด้วย ถ้าหุ้นตัวไหนถูกคัดเข้า SET50 หรือ SET100 ก็มักจะมีแรงซื้อจากกองทุนเหล่านี้เข้ามา ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในช่วงใกล้ๆ วันที่มีผล ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออก ก็อาจจะเจอแรงขายทำนองเดียวกันครับ
สรุปแล้ว การรู้ว่า set 100 คืออะไร และเข้าใจดัชนี SET50 รวมถึงดัชนีอื่นๆ มันเหมือนเราได้แผนที่มาใช้นำทางในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยครับ มันช่วยให้เราเข้าใจภาพรวม มองหาโอกาสในการลงทุน และบริหารจัดการพอร์ตของเราได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมือเก๋า การใช้ดัชนีเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ก็เป็นพื้นฐานสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามครับ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ นักลงทุนเข้าใจเรื่องดัชนี SET100 และเพื่อนๆ ของมันได้มากขึ้นนะครับ จำไว้นะครับว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้งครับ
⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน