ไขข้อสงสัย SET 50 คืออะไร? มือใหม่เข้าใจง่าย ลงทุนสบายใจ!

สวัสดีครับ/ค่ะ นักลงทุนทุกท่าน กลับมาเจอกันอีกแล้วนะครับกับคอลัมน์ที่จะพาเรื่องการเงินการลงทุนที่ดูซับซ้อน ให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว เหมือนคุยกับเพื่อนสนิท

เพื่อนผมคนหนึ่งชื่อคุณสมศรี เพิ่งมาปรึกษาผมเมื่อสัปดาห์ก่อน แกบอกว่า “พี่คะ หนูได้ยินคนพูดถึง ‘set 50 คือ’ อะไรสักอย่างบ่อยมากเลยค่ะในข่าวหุ้น ดูเหมือนจะสำคัญ แต่ฟังแล้วก็งงๆ มันคืออะไรกันแน่คะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเงินในกระเป๋าเราบ้าง?”

คำถามของคุณสมศรีเนี่ย เป็นคำถามยอดฮิตเลยนะครับสำหรับคนที่สนใจตลาดหุ้นไทย เพราะเจ้า “set 50 คือ” สิ่งที่เราจะมาทำความรู้จักกันวันนี้ มันไม่ใช่แค่ตัวเลขลอยๆ บนกระดานหุ้น แต่มันคือ ‘เครื่องวัดอุณหภูมิ’ หรือ ‘ตัวแทน’ ของบริษัทใหญ่ๆ ที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจบ้านเราโดยตรงเลยทีเดียวครับ

ลองนึกภาพตามง่ายๆ นะครับ ถ้าตลาดหุ้นไทยเปรียบเสมือนลีกฟุตบอลระดับประเทศ เจ้า SET50 นี่ก็เหมือนการรวมตัวของ “50 สุดยอดทีม” ในลีกนี้แหละครับ เป็นทีมที่มีขนาดใหญ่ มีผู้เล่น (สภาพคล่องในการซื้อขาย) เยอะ เป็นที่จับตาของแฟนบอล (นักลงทุน) ทั่วประเทศ ส่วน SET100 ก็ขยายสเกลขึ้นไปอีกหน่อย เป็นการรวม “100 สุดยอดทีม” นั่นเองครับ

แล้วทีมพวกนี้เขาคัดกันยังไงล่ะ? ไม่ใช่แค่ว่าบริษัทใหญ่แล้วจะติดโผนะครับ แต่ต้องดูเรื่อง “สภาพคล่อง” (Liquidity) หรือความง่ายในการซื้อขายหุ้นด้วย พูดง่ายๆ คือต้องเป็นหุ้นที่มีคนพร้อมจะซื้อพร้อมจะขายเยอะๆ จะได้ไม่เกิดปัญหา ซื้อก็ยาก ขายก็ลำบาก เกณฑ์หลักๆ ก็จะดูจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization หรือ Market Cap) ที่สูงๆ และมีปริมาณการซื้อขายที่ติดอันดับต้นๆ ของตลาด ส่วนหุ้นที่โดนพักการซื้อขาย (SP) ก็จะไม่ถูกนำมาพิจารณาครับ

เจ้าดัชนี SET50 นี่มีการคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดนะครับ (Market Capitalization Weight) คือหุ้นตัวไหน Market Cap ใหญ่มาก ก็จะมีผลต่อการขึ้นลงของดัชนี SET50 เยอะหน่อย ส่วนอีกตัวคือ SET50FF อันนี้จะถ่วงน้ำหนักแบบปรับด้วยสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float Adjusted Market Capitalization Weight) ซึ่งสะท้อนภาพการซื้อขายจริงได้ใกล้เคียงกว่านิดหน่อย แต่หลักๆ ที่เราดูกันบ่อยๆ ก็คือตัว SET50 นี่แหละครับ

พวกรายชื่อหุ้นใน SET50 และ SET100 นี่ไม่ได้นิ่งถาวรนะครับ ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ เขาจะมีการทบทวนและปรับเปลี่ยนรายชื่อทุก 6 เดือน คือช่วงเดือนมิถุนายนกับเดือนธันวาคม เพื่อให้มั่นใจว่ารายชื่อหุ้นที่อยู่ในดัชนียังคงเป็นตัวแทนของหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดอยู่เสมอ ซึ่งการปรับรายชื่อนี่ก็มีผลต่อราคาหุ้นตัวที่เข้า-ออก และเป็นที่จับตาของนักลงทุนระยะสั้นเหมือนกันครับ

ทีนี้ พอรู้แล้วว่า set 50 คือ การรวมตัวของหุ้นชั้นนำ แล้วมันสำคัญกับเรายังไงอีกล่ะ? นอกจากจะเป็นเหมือนกระจกสะท้อนภาพรวมตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่แล้ว เจ้าดัชนี SET50 นี่ยังเป็นเหมือน “พิมพ์เขียว” หรือ “ดัชนีอ้างอิง” (Reference Index) ที่เอาไปสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ อีกเพียบเลยครับ ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้นักลงทุนอย่างเราๆ มีทางเลือกในการลงทุนหรือเก็งกำไรที่หลากหลายขึ้น

เครื่องมือทางการเงินที่ว่านี้มีอะไรบ้าง? ที่เห็นบ่อยๆ ก็เช่น:

1. **SET50 Index Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงดัชนี SET50):** อันนี้จะออกแนวเก็งกำไรทิศทางของ SET50 ครับ เราสามารถทำกำไรได้ทั้งตอนที่คาดว่า SET50 จะขึ้น (เรียกว่า Long Position) หรือตอนที่คาดว่าจะลง (เรียกว่า Short Position) ข้อดีคือใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่เยอะเมื่อเทียบกับมูลค่าสัญญาจริง (มีอัตราทด หรือ Leverage) แต่ข้อควรระวังคือความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย ถ้าทิศทางไม่เป็นไปตามที่คาด ก็อาจจะขาดทุนหนักได้ครับ
2. **SET50 Index Options (สัญญาซื้อขายสิทธิอ้างอิงดัชนี SET50):** อันนี้จะซับซ้อนขึ้นมาหน่อย เป็นการซื้อ “สิทธิ์” ที่จะซื้อ (Call Options) หรือ “สิทธิ์” ที่จะขาย (Put Options) ดัชนี SET50 ที่ราคาใดราคาหนึ่ง (Strike Price) ภายในเวลาที่กำหนด (Expiry Date) Options เนี่ยเอาไปสร้างกลยุทธ์ได้สารพัดรูปแบบเลยครับ ไม่ว่าจะมองว่าตลาดจะขึ้น ลง หรือแม้กระทั่งมองว่าตลาดจะอยู่กับที่ ก็มีกลยุทธ์รองรับได้หมด แต่ก็ต้องศึกษาทำความเข้าใจให้ดีก่อนนะครับ
3. **SET50 DW (Derivative Warrants อ้างอิง SET50):** อันนี้ก็เป็นอีกเครื่องมือที่มีอัตราทดสูง (High Leverage) คล้ายๆ Futures แต่มีลักษณะเป็นหลักทรัพย์ที่ซื้อขายบนกระดานหุ้นทั่วไป เหมือนหุ้นตัวหนึ่งครับ DW มักจะมีอายุจำกัด เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนชอบเก็งกำไรที่ต้องการความรวดเร็วและใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย แต่ย้ำอีกครั้งว่าอัตราทดสูงก็หมายถึงความเสี่ยงสูงมากๆ เช่นกันนะครับ ถ้าคาดการณ์ผิด อาจจะเสียเงินลงทุนไปเกือบทั้งหมดได้เลย
4. **กองทุนรวม SET50 Index (SET50 Index Funds):** อันนี้เป็นวิธีที่ง่ายและได้รับความนิยมมากสำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือคนที่อยากลงทุนตามดัชนีแบบสบายๆ ครับ กองทุนพวกนี้จะไปลงทุนในหุ้น 50 ตัวที่อยู่ใน SET50 ตามสัดส่วนน้ำหนักจริงๆ ของดัชนีเลยครับ ผลตอบแทนของกองทุนก็จะใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี SET50 ข้อดีคือกองทุนพวกนี้มักจะมีค่าธรรมเนียมการจัดการที่ต่ำกว่ากองทุนหุ้นแบบ Active Fund ครับ เหมาะกับการลงทุนระยะยาว

แล้วถ้าเราอยากจะลงทุนโดยอิงกับเจ้า set 50 คือ… ดัชนีตัวนี้ล่ะ เราจะใช้กลยุทธ์อะไรได้บ้าง?

สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ไม่ได้อยากมานั่งเฝ้าจอบ่อยๆ การลงทุนในหุ้นรายตัวที่อยู่ใน SET50 หรือลงทุนผ่านกองทุนรวม SET50 Index ถือเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจครับ เพราะบริษัทใน SET50 ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจของประเทศ แม้ระหว่างทางอาจจะมีขึ้นมีลงบ้างตามภาวะตลาด แต่ในระยะยาวก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีครับ

ส่วนนักลงทุนที่ชอบเก็งกำไร หรือชอบเทรดระยะสั้น ก็สามารถใช้เครื่องมืออย่าง Futures, Options, หรือ DW ในการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 ได้ครับ ซึ่งการเทรดแบบนี้มักจะต้องใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ดูแนวโน้มจากกราฟราคา หรือติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) อย่างใกล้ชิด เพราะราคาจะผันผวนตามข่าวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ค่อนข้างมาก

คุณสมศรีอาจจะถามต่อว่า “แล้วอะไรบ้างล่ะที่จะมีผลต่อ set 50 คือ… ดัชนีตัวนี้ ทำให้มันขึ้นหรือลง?”

ปัจจัยหลักๆ เลยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนี SET50 ก็คือ

* **ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม:** ถ้าเศรษฐกิจไทยดี บริษัทต่างๆ ก็มีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้ดีขึ้น นักลงทุนก็จะมีความเชื่อมั่น ส่งผลให้ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี บริษัททำกำไรได้ลดลง ความเชื่อมั่นก็ลดลง ดัชนีก็มีแนวโน้มปรับตัวลงครับ อันนี้เป็นเหตุผลง่ายๆ ที่เชื่อมโยงกัน เหมือนเวลาเศรษฐกิจดี เราก็มีกำลังซื้อมากขึ้น บริษัทต่างๆ ก็ขายของได้ดีขึ้นนั่นแหละครับ
* **เสถียรภาพทางการเมือง:** การเมืองนิ่งๆ ไม่มีอะไรหวาดเสียว มักจะทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติรู้สึกมั่นใจในการลงทุนระยะยาว แต่ถ้าการเมืองไม่แน่นอน มีความขัดแย้งบ่อยๆ ก็อาจทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน หรือถอนเงินออกไปก่อน ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงได้ครับ
* **ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญๆ:** หุ้นหลายตัวใน SET50 เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น พลังงาน ปิโตรเคมี เกษตร ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน ราคายาง ราคาปาล์ม หรือสินค้าอื่นๆ ในตลาดโลก ก็มีผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการของบริษัทเหล่านั้น และส่งผลต่อดัชนี SET50 ด้วยครับ

ลองดูตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 นะครับ วันนั้นตลาดปิดแล้ว โดยดัชนี SET50 เปิดที่ 741.54 จุด ระหว่างวันขึ้นไปสูงสุดที่ 744.70 จุด ลงไปต่ำสุดที่ 737.49 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1,723,808 พันหุ้น มูลค่าการซื้อขายรวม 27,297.72 ล้านบาท ตัวเลขพวกนี้คือภาพsnapshot ของกิจกรรมในตลาดวันนั้นๆ ครับ แสดงให้เห็นถึงความคึกคักและช่วงความผันผวนของดัชนีในแต่ละวัน ซึ่งนักลงทุนก็จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการประเมินสถานการณ์และตัดสินใจครับ

บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อผู้เชี่ยวชาญ หรือเห็นบทวิเคราะห์จากสถาบันต่างๆ เช่น บล.ฟินันเซีย ไซรัส หรือ บลจ. ต่างๆ อย่าง บลจ.กสิกรไทย, บลจ.เอ็มเอฟซี, บลจ.วรรณ, บลจ.ทหารไทย พวกท่านเหล่านี้มักจะใช้ข้อมูลดัชนี SET50 นี่แหละครับในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด เสนอกลยุทธ์การลงทุน หรือบริหารจัดการพอร์ตลงทุนของกองทุนต่างๆ

สรุปแล้ว เจ้า set 50 คือ… ดัชนีที่เป็นหัวใจสำคัญของตลาดหุ้นไทย เป็นเหมือนตัวแทนของบริษัทชั้นนำ 50 อันดับแรกที่ทั้งใหญ่และสภาพคล่องสูง เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดและบ่งบอกทิศทางของตลาดโดยรวม และยังเป็นพื้นฐานในการสร้างเครื่องมือลงทุนอื่นๆ ที่หลากหลายอีกด้วยครับ

สำหรับคุณสมศรี หรือนักลงทุนท่านอื่นๆ ที่กำลังทำความรู้จักกับ SET50 นะครับ ถ้าอยากลงทุนตามดัชนีนี้แบบง่ายๆ ไม่ต้องปวดหัวกับการเลือกหุ้นรายตัว หรือติดตามข่าวสารทุกฝีก้าว การลงทุนผ่านกองทุนรวม SET50 Index ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ เพราะเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในหุ้น 50 ตัวพร้อมๆ กัน และผลตอบแทนก็จะล้อไปกับดัชนีครับ

แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่ชอบความท้าทาย ชอบเก็งกำไรระยะสั้น มีเวลาติดตามตลาด และเข้าใจเรื่องอัตราทดหรือ Leverage เป็นอย่างดี เครื่องมืออย่าง Futures, Options หรือ DW ที่อ้างอิง SET50 ก็น่าสนใจครับ เพียงแต่ต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนนะครับ เพราะเครื่องมือเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในหุ้นรายตัวหรือกองทุนรวมปกติมาก

⚠️ คำเตือนทิ้งท้าย: การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นรายตัว กองทุนรวม หรือตราสารอนุพันธ์ต่างๆ ดัชนี SET50 เองก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้เช่นกันตามภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยการเมือง หรือปัจจัยอื่นๆ ที่เข้ามากระทบ ก่อนตัดสินใจลงทุนในเครื่องมือที่อ้างอิงกับ SET50 ไม่ว่าจะเป็น Futures, Options หรือ DW ซึ่งมีอัตราทดสูง ควรทำความเข้าใจลักษณะผลิตภัณฑ์ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเองอย่างรอบคอบ ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้งนะครับ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณสมศรีและนักลงทุนทุกท่านเข้าใจว่า set 50 คืออะไร และเห็นภาพรวมของมันมากขึ้นนะครับ แล้วพบกันใหม่ในคอลัมน์ต่อไปครับ!

Leave a Reply