เจาะลึก SET100 ปี 2566: หุ้นเด่น ตัวไหนน่าจับตา? รายชื่อหุ้น set100 2566 ที่คุณต้องรู้!

สวัสดีครับ/ค่ะ นักลงทุนทุกท่าน และผู้ที่สนใจอยากจะรู้จัก “พี่เบิ้ม” แห่งตลาดหุ้นไทยให้มากขึ้น!

เพื่อนผมคนหนึ่งเพิ่งถามมาหมาดๆ ว่า “ช่วงนี้หุ้นอะไรน่าสนใจ เห็น SET50 มันเงียบๆ แต่เพื่อนอีกคนบอกว่า SET100 นี่แหละมีอะไรซ่อนอยู่เยอะ?” คำถามนี้แหละครับ/ค่ะ ที่จุดประกายให้ผมอยากชวนทุกคนมาคุยกันเรื่อง “ดัชนี SET100” ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ หรืออาจจะกำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อหุ้นใน SET100 ปีนี้ (หรือที่ค้นๆ กันว่า รายชื่อหุ้น set100 2566) ซึ่งจริงๆ แล้วรายชื่อนี้มีการปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ ครับ/ค่ะ

ถ้าเปรียบตลาดหุ้นไทยเหมือนวงการบันเทิง ดัชนี SET100 ก็เหมือนกับรายชื่อ “ท็อป 100” ของดารา นักแสดง หรือศิลปินที่มีชื่อเสียง มีผลงานโดดเด่น และเป็นที่สนใจของคนทั่วไป เป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นมาจาก SET50 ที่เป็นเหมือน “ซูเปอร์สตาร์แถวหน้าสุด” อีกที หุ้นที่อยู่ใน SET100 นี้ก็คือ 100 บริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ซึ่งสะท้อนภาพรวมและสถานะของตลาดหุ้นไทยได้เป็นอย่างดี

**ทำไมต้องสนใจ SET100? มันบอกอะไรเราบ้าง?**

หุ้นกลุ่ม SET100 เป็นเหมือนตัวแทนของบริษัทใหญ่ๆ ที่มีผลประกอบการมั่นคง (ส่วนใหญ่) และมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เวลาเราเห็นดัชนี SET100 ขยับขึ้นลง มันก็บอกเราคร่าวๆ ได้ว่า หุ้นกลุ่มบริษัทขนาดกลางถึงใหญ่ในบ้านเราเป็นอย่างไรบ้าง

ตามหลักแล้ว การคัดเลือกหุ้นเข้า SET100 ก็มีเกณฑ์ของมันครับ/ค่ะ ไม่ใช่ใครจะเข้ามาก็ได้ ต้องเป็นหุ้นสามัญที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาแล้วระยะหนึ่ง (อย่างน้อย 6 เดือน) อยู่ใน 100 อันดับแรกเมื่อเทียบขนาดบริษัท (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด – Market Capitalization) ต้องมีจำนวนหุ้นที่นักลงทุนทั่วไปถืออยู่จริงๆ (Free-float) ในสัดส่วนที่เหมาะสม และต้องมีการซื้อขายที่สม่ำเสมอ มีสภาพคล่องสูง พูดง่ายๆ คือ ต้องเป็นหุ้นใหญ่ มีคุณภาพ และมีคนซื้อขายจริงๆ จังๆ และรายชื่อนี้ก็จะมีการทบทวนและปรับเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือนครับ/ค่ะ

**ตลาดหุ้นตอนนี้เป็นยังไง? SET100 มีท่าทีแบบไหน?**

ถ้าดูภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ ต้นปี 2567 และมีการอัปเดตเรื่อยมา) จะเห็นว่า ตลาดเน้นการลงทุนแบบ “เลือกเป็นรายตัว” มากขึ้นครับ/ค่ะ ไม่ได้ขึ้นยกแผงแบบสมัยก่อน

น่าสนใจว่า หุ้นขนาดใหญ่มากๆ ในกลุ่ม SET50 บางตัว กลับโดนแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ทำให้มีแนวโน้ม “Underperform” หรือให้ผลตอบแทนสู้ตลาดโดยรวมไม่ได้ แต่พอขยับมาดูที่หุ้นในกลุ่ม SET100 (ซึ่งก็รวม SET50 อยู่ในนั้นด้วย) ตั้งแต่ต้นปี 2567 แม้ดัชนีเฉลี่ยจะยังติดลบอยู่บ้าง (ประมาณ 4% โดยเฉลี่ย) แต่กลับ “Outperform” หรือทำผลงานได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับ SET50 อย่างเดียวเล็กน้อย

ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง เช่น บล. กรุงศรี พัฒนสิน หรือ บล. พาย มองไปในทิศทางเดียวกันว่า มูลค่าตลาดหุ้นไทยตอนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ คือ ราคาหุ้นโดยรวมเมื่อเทียบกับกำไรของบริษัทต่างๆ (ดูจากอัตราส่วน P/E) ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (ต่ำกว่า 14 เท่า) ซึ่งเป็นสัญญาณว่า “ราคาไม่แพง”

ปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุนเศรษฐกิจไทยและอาจส่งผลดีต่อหุ้นใน SET100 คือ ภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจน สัญญาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทยในช่วงต้นปี 2567 ดีขึ้นมาก ตัวเลขเดือนมกราคม 2567 ก็เติบโตสูงกว่าปีก่อนถึง 35% และถ้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อย่างโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เกิดขึ้นจริง ก็อาจช่วยดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2567 ให้สูงขึ้นไปได้อีก (คาดการณ์เฉลี่ย 3% หรืออาจถึง 3.8% หากมีดิจิทัลวอลเล็ต)

นี่เป็นเหมือนแรงส่งที่ทำให้หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ เช่น AWC, TKN (เถ้าแก่น้อย), AAV, ERW เริ่มปรับตัวดีขึ้นและทำผลงาน Outperform ตลาดโดยรวมให้เห็นแล้วครับ/ค่ะ

**จับตา! การปรับรายชื่อ SET100 รอบใหม่ มีใครเข้า ใครออก?**

อย่างที่บอกไปครับ/ค่ะ ว่ารายชื่อหุ้นใน SET100 มีการปรับเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน การเปลี่ยนแปลงนี้สำคัญมาก เพราะกองทุนต่างๆ ที่อิงดัชนี SET100 หรือ SET50 จะต้องปรับพอร์ตตาม ทำให้เกิดแรงซื้อในหุ้นที่ถูกคัดเข้า และแรงขายในหุ้นที่ถูกคัดออก เป็นโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยอย่างเราๆ ได้ “เก็งกำไร” หรือหาจังหวะลงทุนล่วงหน้า

สำหรับการประกาศรายชื่อรอบครึ่งปีหลัง 2567 (ใช้ระหว่าง 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 2567) ก็มีการประกาศไปแล้วครับ/ค่ะ ในส่วนของ SET100 มีหุ้นที่ถูกคัดเข้าใหม่ถึง 9 หลักทรัพย์ด้วยกัน เช่น BA (การบินกรุงเทพ), BJC (เบอร์ลี่ ยุคเกอร์), CKP (ซีเค พาวเวอร์), JAS (จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล), MBK (เอ็ม บี เค), PRM (พริมา มารีน), QH (ควอลิตี้เฮ้าส์), SKY (สกาย ไอซีที), TIPH (ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์)

ส่วนรอบครึ่งปีแรก 2568 (ใช้ระหว่าง 1 ม.ค. – กลางปี 2568) ตอนนี้ยังเป็นแค่ “การคาดการณ์” จากบริษัทหลักทรัพย์ครับ/ค่ะ (อ้างอิงข้อมูลจาก บล. กรุงศรี) เขาก็ใช้ข้อมูลผลประกอบการ สภาพคล่อง ขนาดบริษัท มาประเมินล่วงหน้า หุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดเข้า SET100 รอบหน้าก็มีชื่ออย่าง JTS (จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น), CCET (ซีซีอีที), PR9 (โรงพยาบาลพระรามเก้า), COCOCO (ไทย โคโคนัท) ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะหลุดจาก SET100 ก็มีอย่าง MBK (เอ็ม บี เค), RBF (อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย), TIPH (ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์), TOA (ทีโอเอ เพ้นท์)

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญสำหรับเรื่องนี้คือ ถ้าอยาก “เก็งกำไร” ระยะสั้น อาจจะลองพิจารณาหุ้นที่คาดว่าจะเข้า เพราะมักจะมีแรงซื้อของกองทุนเข้ามา แต่ก็ต้องระวังหุ้นที่คาดว่าจะหลุด เพราะอาจมีแรงขายจากกองทุนตามมาด้วยครับ/ค่ะ

**มองหา “ดาวเด่น” ในกลุ่ม SET100**

นอกจากการเก็งกำไรจากการปรับดัชนี เราก็สามารถมองหาหุ้นรายตัวในกลุ่ม SET100 ที่มีพื้นฐานดี มีแนวโน้มธุรกิจเติบโตได้

ย้อนกลับไปดูผลตอบแทนของหุ้นใน SET100 ที่น่าสนใจ (อิงจากข้อมูลในช่วงที่ผ่านมา) จะเห็นว่ามีหุ้นที่ทำผลงานได้โดดเด่นอยู่หลายตัว

อย่างหุ้นที่เพิ่งถูกคัดเข้า SET100 ช่วงต้นปี 2567 บางตัวก็ให้ผลตอบแทนดีมากในช่วงแรกๆ เช่น TKN (เถ้าแก่น้อย) ที่ราคาวิ่งขึ้นไปเกือบ 15% ตั้งแต่ต้นปี (ณ 29 ม.ค. 67) เพราะมีปัจจัยหนุนเรื่องผลประกอบการที่คาดว่าจะเติบโตดี มีแผนบุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ หรือ ICHI (อิชิตัน) ที่ได้อานิสงส์จากอากาศร้อนในปี 2567

หรือหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ในรอบครึ่งปีแรก 2568 อย่าง SAWAD (ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น) ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อรายย่อย ก็ถูกมองว่ามีโอกาสเติบโตจากการเร่งปล่อยสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ส่วน BANPU (บ้านปู) ที่ทำธุรกิจพลังงานครบวงจร ก็มีแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้น จากที่เคยขาดทุนก็พลิกมามีกำไรได้ แรงหนุนหลักมาจากความต้องการใช้พลังงานที่สูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว

ถ้ามองย้อนไปไกลกว่านั้นอีกนิด ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 (ตอนนั้นดัชนี SET ก็ปรับขึ้นมาเกือบ 10%) ก็มีหุ้นใน SET100 ที่ราคาปรับขึ้นแรงมากๆ เช่น PSL (พรีเชียส ชิพปิ้ง) ที่ราคาพุ่งไปกว่า 175% เพราะได้อานิสงส์จากค่าระวางเรือที่ทะยานขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หรือ RBF (อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย) ที่ปรับขึ้นกว่า 137% จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและกระแสธุรกิจกัญชงที่กำลังมาแรง

ตัวอย่างเหล่านี้บอกเราว่า ในกลุ่มหุ้นใหญ่ 100 ตัวนี้ มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทนั้นมีปัจจัยบวกอะไรเข้ามาสนับสนุนในแต่ละช่วงเวลา

**แล้วถ้าอยากลงทุนใน SET100 ต้องทำยังไง?**

เราไม่สามารถเดินไปซื้อ “ดัชนี SET100” โดยตรงได้เหมือนซื้อหุ้นรายตัวครับ/ค่ะ แต่เราสามารถลงทุนที่ “อิง” กับผลตอบแทนของดัชนีนี้ได้หลายวิธี

1. **ลงทุนผ่านตราสารอนุพันธ์:** อันนี้จะซับซ้อนขึ้นมาหน่อยครับ/ค่ะ คือการซื้อขาย “สัญญาซื้อขายล่วงหน้า” (Futures) หรือ “สัญญาออปชัน” (Options) ที่อิงกับดัชนี SET100 ซึ่งซื้อขายกันในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) วิธีนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ และเข้าใจความเสี่ยงของตราสารประเภทนี้ เพราะมีการใช้เงินประกัน (มาร์จิ้น) และมีโอกาสได้หรือเสียเงินจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น ต้องเปิดบัญชีซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแยกต่างหากครับ/ค่ะ
2. **ลงทุนผ่าน ETF ที่อิง SET100:** อันนี้ง่ายขึ้นมาหน่อยครับ/ค่ะ ETF ย่อมาจาก Exchange Traded Fund หรือ “กองทุนเปิดที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ” เหมือนเราซื้อ “ตะกร้าหุ้น” 100 ตัวใน SET100 ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมแค่หน่วยเดียว ยกตัวอย่างเช่น ThaiDEX SET100 ETF เราสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของ ETF ตัวนี้ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่เรามีอยู่ได้เลยครับ/ค่ะ เหมาะสำหรับคนที่อยากกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นใหญ่ 100 ตัว โดยไม่ต้องเลือกเองทีละตัว
3. **เลือกซื้อหุ้นรายตัวที่อยู่ใน SET100:** วิธีนี้ตรงไปตรงมาที่สุดครับ/ค่ะ ถ้าเราชอบบริษัทไหนเป็นพิเศษในกลุ่ม SET100 เราก็ไปศึกษาพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ ให้ดี แล้วตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนั้นโดยตรงผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ปกติของเรา

**สรุปและข้อคิดทิ้งท้าย**

ดัชนี SET100 เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนภาพของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่และกลางในตลาดหุ้นไทย แม้ตลาดโดยรวมช่วงนี้จะเน้นหุ้นรายตัว และ SET50 บางตัวอาจจะยังดูซึมๆ แต่หุ้นในกลุ่ม SET100 โดยรวมก็ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจไทยที่กำลังกระเตื้องขึ้น และปัจจัยบวกอย่างภาคการท่องเที่ยว

การที่รายชื่อหุ้นใน SET100 มีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ก็สร้างโอกาสให้นักลงทุนได้ศึกษาและหาจังหวะลงทุนเช่นกันครับ/ค่ะ ทั้งจากการเก็งกำไรตามการปรับดัชนี หรือการเลือกหุ้นรายตัวในกลุ่มนี้ที่มีพื้นฐานดี มีแนวโน้มผลประกอบการสดใส

สำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้นกลุ่มนี้ คำแนะนำง่ายๆ คือ

* **ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน:** ดูงบการเงิน, แนวโน้มธุรกิจ, บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ
* **พิจารณาปัจจัยภายนอก:** เศรษฐกิจไทย, การท่องเที่ยว, นโยบายภาครัฐ มีผลต่อหุ้นกลุ่มนี้โดยตรง
* **มองหาหุ้นที่ “ปัจจัยลบซึมซับไปมากแล้ว และมีแนวโน้มดีขึ้น”:** ตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
* **พิจารณาช่องทางการลงทุนที่เหมาะสม:** ถ้าเน้นความสะดวกและกระจายความเสี่ยง การลงทุนผ่าน ETF ก็เป็นทางเลือกที่ดี
* **อย่าลืมเรื่อง “การกระจายความเสี่ยง”:** ไม่ควรนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในหุ้นเพียงไม่กี่ตัว หรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียว
* **เก็งกำไรอย่างระมัดระวัง:** การลงทุนตามข่าวการปรับดัชนีมีความเสี่ยง ต้องทำความเข้าใจและประเมินจังหวะให้ดี

⚠️ **ข้อสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอ:** การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอภาพรวมและข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณา ไม่ใช่คำแนะนำให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดหลักทรัพย์หนึ่งโดยเฉพาะ หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาทางการเงินครับ/ค่ะ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ช่วยให้เพื่อนๆ นักลงทุนมองเห็นภาพของดัชนี SET100 และโอกาสในการลงทุนในกลุ่มหุ้นใหญ่เหล่านี้ได้ชัดเจนขึ้นนะครับ/ค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนครับ/ค่ะ!

Leave a Reply