เจาะลึก หุ้นset50: โอกาสและความเสี่ยงที่ต้องรู้ ก่อนลงทุน!

เคยไหมครับ… พอถึงช่วงเย็นๆ หลังตลาดหุ้นปิดทำการ มือก็อดไม่ได้ที่จะคว้ามือถือมาเช็คตัวเลขแดงๆ เขียวๆ บนหน้าจอ ดูซิว่าวันนี้พอร์ตเราเป็นยังไงบ้าง? ตลาดโดยรวมเป็นยังไงนะ? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจ หรือลงทุนในบรรดา “หุ้นใหญ่” ที่เป็นเหมือนหัวขบวนของเศรษฐกิจไทย วันนี้ผมในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่คุยกันแบบเพื่อนบ้าน ก็อยากจะมาเล่าให้ฟังถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทย ณ วันที่ 3 เมษายน 2568 ที่เพิ่งปิดไปหมาดๆ (ข้อมูล ณ เวลา 23:08:32 น. ของวันนั้นนะครับ) พร้อมโฟกัสไปที่ “ดัชนีชี้วัดหุ้นใหญ่” ตัวสำคัญอย่าง SET50 กันหน่อยครับ

เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย หรือที่เรารู้จักกันในนาม SET Index ก็มีบรรยากาศที่ค่อยๆ ขยับขึ้นมาเล็กน้อย ปิดที่ 1,192.24 จุด บวกเพิ่มจากวันก่อนหน้ามา 0.32% ตัวเลขนี้บอกเราว่าภาพรวมตลาดดูดีขึ้นนิดๆ นะครับ ไม่ได้พุ่งแรง แต่ก็ไม่ได้ถอย ส่วนปริมาณการซื้อขายหุ้นทั้งหมดในตลาด SET วันนั้นอยู่ที่ประมาณ 1,119 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ **澳幣:** 5,003 ล้านบาท ตัวเลขนี้ก็บอกเราว่า การซื้อขายยังค่อนข้างเบาบางอยู่ ไม่ได้คึกคักหวือหวามากนัก

แต่สำหรับคนที่มองหาทิศทางของ “หุ้นใหญ่” หรืออยากรู้ว่าบริษัทระดับท็อปๆ 50 ตัวแรกของตลาดเป็นยังไง เราก็ต้องมาดูที่ SET50 Index ครับ ดัชนี SET50 นี้เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนการเคลื่อนไหวของหุ้น 50 ตัวแรกที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในตลาดหุ้นไทย วันที่ 3 เมษายน SET50 Index ปิดที่ 758.13 จุด ขยับขึ้นมาเช่นกันในอัตราใกล้เคียงกับ SET Index คือบวกไป 0.36% ส่วนดัชนี SET100 ซึ่งรวมหุ้นใหญ่ 100 ตัวแรก ก็ไปในทิศทางเดียวกัน ปิดที่ 1,642.83 จุด บวก 0.39% ตัวเลขเหล่านี้ยืนยันว่า กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ในตลาด ณ วันนั้น มีแนวโน้มเป็นบวกเล็กน้อยตามภาพรวมตลาดครับ การที่ SET50 และ SET100 ขยับขึ้นพร้อมๆ กับ SET Index บ่งชี้ว่า แรงซื้อขายที่เกิดขึ้นกระจายตัวอยู่ในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ด้วย ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่หุ้นขนาดเล็กหรือกลางเท่านั้น

ถ้าลองเจาะลึกเข้าไปดูในรายละเอียดของ “หุ้นใหญ่” โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด 25 อันดับแรก ซึ่งส่วนใหญ่ก็คาบเกี่ยวอยู่ในดัชนี หุ้นset50 นี่แหละครับ เราจะเห็นภาพที่น่าสนใจหลายอย่างเลย ข้อมูลบอกเราว่า มีหุ้นหลายตัวที่ปรับตัวขึ้นได้ดี อย่างเช่น หุ้น DELTA ที่เห็นตัวเลขบวกถึง 4.55% เลยทีเดียว ซึ่ง DELTA เป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงมากๆ และมีอิทธิพลต่อดัชนี SET50 พอสมควร การที่หุ้นตัวนี้ขยับขึ้นแรงก็มีส่วนช่วยดันให้ SET50 ปรับตัวสูงขึ้นด้วยครับ นอกจาก DELTA แล้ว ก็ยังมีหุ้นอย่าง KTC, CCET, TRUE, และ BEM ที่ปรับตัวขึ้นได้น่าพอใจเช่นกัน การเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนว่า มีแรงซื้อเก็งกำไรหรือแรงซื้อสะสมในหุ้นบางกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA) และกลุ่มระบบขนส่ง (BEM)

แต่ในเหรียญก็มีอีกด้านนะครับ ขณะที่มีหุ้นหลายตัวบวกสวยๆ ในกลุ่ม หุ้นset50 และหุ้นใหญ่ ก็มีบางตัวที่ต้องเผชิญกับแรงขายจนราคาปรับตัวลดลงไปด้วย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารใหญ่ๆ อย่าง TTB, KTB, BBL, และ KBANK ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของดัชนี SET50 เช่นกัน วันนั้นราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลดลงไปพอสมควร ไล่ตั้งแต่ TTB ที่ลงไป 3.57%, KTB ลง 2.29%, BBL ลง 1.71%, และ KBANK ลง 1.66% นอกจากนี้ยังมีหุ้น PTTGC ในกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงไป 1.09% ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า แม้ภาพรวมของ SET50 จะเป็นบวก แต่ก็ไม่ใช่ว่าหุ้นทุกตัวในดัชนีจะขึ้นเหมือนกันหมด มีการเลือกเล่นเป็นรายตัว รายกลุ่มกันอยู่ครับ กลุ่มการเงินดูเหมือนจะถูกกดดันในวันนั้น ขณะที่หุ้นพลังงาน ซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่มีมูลค่าตลาดสูงและเป็นส่วนใหญ่ของ SET50 ก็มีการเคลื่อนไหวที่ปะปนกันไป บางตัวขึ้น บางตัวลง (อย่าง PTT, PTTEP, TOP ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Top 25 Market Cap ก็มีการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันไปในวันนั้น แม้จะไม่ได้อยู่ในลิสต์ Top 5 Losers ก็ตาม)

สำหรับนักลงทุน หรือคนที่สนใจอยากจะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทย การทำความเข้าใจดัชนีอย่าง SET50 ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญมากๆ ครับ เพราะ SET50 ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขลอยๆ แต่มันคือเครื่องมือที่ช่วยให้เราประเมินภาพรวมของหุ้นขนาดใหญ่ในประเทศ ซึ่งมักจะเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการค่อนข้างคงที่ และมีความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจมากกว่าหุ้นขนาดเล็ก การติดตาม SET50 ทำให้เรารู้ว่า แนวโน้มของบริษัทชั้นนำของประเทศกำลังไปในทิศทางไหน

บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วเราจะใช้ประโยชน์จาก SET50 ยังไงได้บ้าง? ง่ายๆ เลยครับ คุณสามารถใช้ SET50 เป็นดัชนีเปรียบเทียบ (Benchmark) สำหรับพอร์ตการลงทุนของคุณได้ เช่น ถ้าพอร์ตของคุณมีหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก ก็ลองเปรียบเทียบผลตอบแทนดูว่า ดีกว่าหรือแย่กว่า SET50 หรือถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะยาว การลงทุนใน หุ้นset50 โดยตรง หรือลงทุนผ่านกองทุนรวมที่อิงดัชนี SET50 ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ เพราะเป็นการลงทุนในบริษัทชั้นนำ 50 แห่งไปพร้อมๆ กัน เป็นการกระจายความเสี่ยงในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ นักลงทุนที่เก่งเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค ก็อาจจะใช้กราฟของ SET50 Index ในการหาจังหวะซื้อขายในตลาดหุ้นใหญ่ หรือแม้แต่ในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) ก็มีสินค้าอย่าง SET50 Index Futures ที่อิงกับดัชนีนี้โดยตรง ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับคนที่เข้าใจเรื่องการใช้ Leverage และการบริหารความเสี่ยงที่สูงขึ้น

ข้อมูลที่เราเห็นในวันที่ 3 เมษายน 2568 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขปิดตลาดนะครับ แต่เป็นการสะท้อนถึงบรรยากาศการลงทุนในวันนั้น ว่าเงินลงทุนส่วนใหญ่ไหลไปทางไหน หุ้นกลุ่มไหนที่ถูกซื้อ หุ้นกลุ่มไหนที่ถูกขาย การได้เห็นข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมและทิศทางของตลาดได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่ม หุ้นset50 ที่เป็นหัวใจหลักของตลาดหุ้นไทยในหลายๆ มิติ

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นหรือลง ดัชนี SET50 จะเขียวหรือแดง สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนอย่างเราคือ การไม่หยุดนิ่งในการเรียนรู้และทำความเข้าใจตลาดครับ การศึกษาข้อมูลปัจจัยพื้นฐานของบริษัท (อย่างอัตราส่วน P/E หรือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือ Div Yield% ที่เห็นในข้อมูลหุ้น Top 25) การติดตามข่าวสาร และการรู้จักประเมินความเสี่ยงของตัวเอง ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดและเติบโตในตลาดหุ้นได้อย่างยั่งยืนครับ

⚠️ สิ่งที่ต้องจำให้ขึ้นใจเสมอคือ การลงทุนในตราสารทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุน หรือตราสารอนุพันธ์อย่าง SET50 Index Futures ใน TFEX มีความเสี่ยงเสมอครับ ราคาหลักทรัพย์มีความผันผวนสูง คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ข้อมูลที่เรานำเสนอวันนี้เป็นเพียงข้อมูลย้อนหลัง ณ วันที่ 3 เมษายน 2568 และอาจไม่ใช่ข้อมูลเรียลไทม์ที่แม่นยำที่สุดในทุกรายละเอียดนะครับ ควรใช้ข้อมูลนี้และข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจและวิเคราะห์ด้วยวิจารณญาณของตนเองเสมอ และที่สำคัญ อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหากไม่แน่ใจนะครับ.

Leave a Reply