
สุดสัปดาห์นี้ หลายคนคงกำลังวางแผนพักผ่อน ออกไปเที่ยว หรือใช้เวลากับครอบครัว แต่สำหรับนักลงทุนอย่างเราๆ สายตาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองตลาดหุ้นไทยสักหน่อย เพื่อดูว่าสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึงจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 19 เมษายน 2568 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปิดทำการไปแล้ว และตัวเลขต่างๆ ที่เห็นก็คือภาพรวมการซื้อขายที่เกิดขึ้นตลอดวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ดัชนี SET โดยรวมจะปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาเปิดที่ระดับ 1,575.81 จุด ยืนปิดที่ 1,575.81 จุดเป๊ะๆ แต่ภายใต้ตัวเลขนั้น ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจซ่อนอยู่ครับ โดยวันนั้นมีการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 1,958.86 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 23,334.49 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่ค่อนข้างทรงตัว
แน่นอนว่าการดูแค่ดัชนี SET ตัวเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะเข้าใจภาพทั้งหมดในวันที่ตลาดปิดทำการแบบนี้ครับ เพราะตลาดหุ้นไทยมีหุ้นหลากหลายขนาด หลากหลายอุตสาหกรรม การที่เราเจาะลึกไปที่ดัชนีกลุ่มย่อยๆ จะช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นได้ เหมือนกับการดูคะแนนสอบรวมทั้งชั้น อาจต้องดูคะแนนเฉลี่ยของแต่ละกลุ่มวิชาด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักและดูความเคลื่อนไหวของดัชนีสำคัญอีกตัว นั่นก็คือ ดัชนี เซต100 ครับ
ทำความรู้จัก เซต100 กันสักนิด ดัชนีนี้เปรียบเสมือนรายชื่อ ‘พี่ใหญ่’ หรือ ‘หัวเรือใหญ่’ ของตลาดหุ้นไทยเลยก็ว่าได้ครับ มันรวบรวมหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 100 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีขนาดใหญ่ มีมูลค่าตลาดสูง และที่สำคัญคือมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงมาก พูดง่ายๆ คือเป็นหุ้นของบริษัทที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา มีผลประกอบการที่ค่อนข้างมั่นคง และมักเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ข้อมูล ณ วันที่ 19 เมษายน 2568 ดัชนี เซต100 ปิดที่ระดับ 1,642.83 จุด ซึ่งปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อย 0.39% จากวันก่อนหน้า แม้จะดูเป็นการขยับเพียงเล็กน้อย แต่ก็บอกได้ว่าในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ 100 อันดับแรกนี้ ยังคงมีแรงซื้อหรือความเชื่อมั่นอยู่บ้าง สอดคล้องกับดัชนีกลุ่มอื่นๆ ที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น SET50 (+0.36%), sSET (+0.21%), SETCLMV (+0.21%), SETHD (+0.11%) และ SETESG (+0.24%) มีเพียงบางดัชนีอย่าง SETWB (-0.07%) และ mai (-0.32%) เท่านั้นที่ปรับตัวลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาพรวมของตลาดในวันนั้นค่อนข้างผสมผสาน แต่กลุ่มหุ้นใหญ่ยังคงประคองตัวอยู่ในแดนบวกได้ดี
สำหรับดัชนี เซต100 เอง ก็มีการคำนวณอยู่สองแบบหลักๆ ที่เราควรรู้จักครับ แบบแรกคือ SET100 ปกติ ซึ่งคำนวณโดยถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของหุ้นแต่ละตัวในดัชนี ยิ่งหุ้นตัวไหนมูลค่าตลาดสูง ก็ยิ่งมีอิทธิพลต่อดัชนีมาก ส่วนอีกแบบคือ SET100FF ซึ่ง FF ย่อมาจาก Free Float หรือ สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย ดัชนีแบบนี้จะคำนวณโดยถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตามราคาตลาดที่ปรับด้วยสัดส่วนฟรีโฟลท ทำให้สะท้อนสภาพคล่องที่นักลงทุนรายย่อยหรือนักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้จริงๆ ได้ดีกว่า
ดัชนี เซต100 มีค่าเริ่มต้นที่ 1,000 จุด โดยใช้วันที่ 30 เมษายน 2548 เป็นวันฐาน ส่วน SET100FF ซึ่งเป็นดัชนีใหม่กว่า เริ่มใช้วันที่ 28 ธันวาคม 2566 เป็นวันฐาน ด้วยค่าเริ่มต้น 1,938.83 จุด ทั้งสองดัชนีนี้จะมีการปรับรายชื่อหุ้นที่อยู่ในตะกร้าทุกๆ 6 เดือน คือในเดือนมิถุนายนและธันวาคม เพื่อให้มั่นใจว่ารายชื่อหุ้นยังคงเป็นตัวแทนของ 100 บริษัทขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในตลาดอยู่เสมอ การเปลี่ยนแปลงรายชื่อนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักลงทุนที่ติดตาม เซต100 อย่างใกล้ชิดจะให้ความสำคัญครับ

ทำไมเราในฐานะนักลงทุนทั่วไปต้องให้ความสนใจกับ เซต100 ด้วยล่ะ? คำตอบง่ายๆ ก็คือ มันเป็นเหมือนตัวแทนสุขภาพของกลุ่มบริษัทที่เป็น ‘กระดูกสันหลัง’ ของเศรษฐกิจไทยครับ ความเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มนี้มักจะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทขนาดใหญ่ รวมถึงมุมมองของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ การที่ เซต100 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันล่าสุด ก็อาจตีความได้ว่า แม้จะปิดทำการ แต่โมเมนตัมหรือแรงซื้อในกลุ่มหุ้นใหญ่ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหนหมดซะทีเดียว
บางคนอาจคิดว่าดูแค่ดัชนี SET ตัวเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องไปมองถึง เซต100 หรือดัชนีกลุ่มย่อยอื่นๆ ก็ได้นี่? แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่อาจทำให้พลาดภาพบางส่วนไปครับ ลองนึกภาพว่าถ้าดัชนี SET โดยรวมขยับขึ้น แต่เมื่อไปดูรายละเอียด กลับพบว่าการขยับขึ้นนั้นมาจากหุ้นขนาดเล็กมากๆ ในกลุ่ม sSET เป็นหลัก ในขณะที่หุ้นใหญ่ใน เซต100 กลับนิ่งสนิทหรือปรับตัวลง นั่นก็อาจตีความได้ว่าตลาดโดยรวมยังมีความเปราะบางอยู่ เพราะขาดแรงหนุนจากกลุ่มหุ้นพื้นฐานดีขนาดใหญ่ ในทางกลับกัน หาก SET นิ่งๆ หรือลงเล็กน้อย แต่ เซต100 กลับปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ดีว่าเงินกำลังไหลกลับเข้าสู่หุ้นคุณภาพดีขนาดใหญ่ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบวกในระยะถัดไปได้ครับ การดู เซต100 ควบคู่ไปด้วยจึงช่วยให้เราเห็นภาพ ‘คุณภาพ’ ของการเคลื่อนไหวของตลาดได้ดีขึ้น
ดัชนี เซต100 ไม่ได้มีไว้ให้ดูเล่นๆ นะครับ แต่ยังถูกใช้เป็นดัชนีอ้างอิง (Benchmark Index) ที่สำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลากหลายชนิด เช่น กองทุนรวม หรือ กองทุน ETF (Exchange Traded Fund) หลายๆ กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ ก็มักจะใช้อ้างอิงกับผลตอบแทนของ เซต100 หรือลงทุนโดยตรงตามสัดส่วนในดัชนี เซต100 เลยครับ การลงทุนในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็เหมือนกับการที่คุณได้ลงทุนในหุ้น 100 ตัวใน เซต100 พร้อมๆ กันนั่นเอง ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในตัวในกลุ่มหุ้นพื้นฐานดีขนาดใหญ่ แต่ก็ต้องทำความเข้าใจกลไกและค่าธรรมเนียมของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นด้วย
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ การดูรายชื่อหุ้นที่อยู่ในดัชนี เซต100 ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำการบ้านต่อยอด ไม่ได้หมายความว่าหุ้นทุกตัวใน เซต100 จะดีเสมอไป หรือเหมาะกับการลงทุนของคุณเสมอไปนะครับ แต่เป็นเหมือนการคัดกรองเบื้องต้น ให้เราได้พุ่งเป้าไปศึกษาบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการเติบโต มีประวัติผลประกอบการที่ดี และมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ซึ่งเป็นคุณสมบัติโดยทั่วไปของหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้ามาในดัชนีนี้
แพลตฟอร์มการลงทุนบางแห่ง อย่างเช่น Moneta Markets ที่ให้บริการหลากหลายสินทรัพย์ ก็อาจมีการเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับดัชนีเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เช่น สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFDs) ที่อ้างอิงกับดัชนี เซต100 ซึ่งเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของดัชนีโดยรวมโดยไม่ต้องซื้อขายหุ้นรายตัว แต่การลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนแบบนี้ก็มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นไปอีกระดับ นักลงทุนควรศึกษาเงื่อนไขต่างๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจครับ
สรุปง่ายๆ ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในวันทำการสุดท้ายก่อนสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ดัชนี SET โดยรวมจะปิดทรงตัวที่ 1,575.81 จุด แต่กลุ่มหุ้นใหญ่ในดัชนี เซต100 มีการขยับขึ้นเล็กน้อย แสดงถึง sentiment ที่ค่อนข้างทรงตัวถึงบวกอ่อนๆ ในกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าติดตามต่อในสัปดาห์ถัดไป
สำหรับนักลงทุน การติดตามความเคลื่อนไหวของ เซต100 ควบคู่ไปกับดัชนีอื่นๆ ข้อมูลปริมาณ/มูลค่าการซื้อขาย และข่าวสารปัจจัยพื้นฐานทั้งในและต่างประเทศ จะช่วยให้เห็นภาพรวมและวางแผนการลงทุนได้รอบด้านมากขึ้น อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปจากตัวเลขดัชนีเพียงตัวเดียว แต่ลองเจาะลึกดูรายละเอียดในกลุ่มต่างๆ ด้วยนะครับ
และที่สำคัญที่สุด คือเรื่อง ‘ความเสี่ยง’ ครับ ตลาดหุ้นมีการขึ้นลงตลอดเวลา เหมือนคลื่นทะเล บางวันสงบ บางวันก็ปั่นป่วน ตัวเลขที่สวยงามในอดีต ไม่ได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตเสมอไป หุ้นในดัชนี เซต100 ก็เช่นกัน แม้จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ แต่ก็ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงทางธุรกิจ ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจ และความเสี่ยงเฉพาะตัวของบริษัทนั้นๆ ได้เสมอ
⚠️ การลงทุนในตราสารทางการเงินมีความเสี่ยงสูงกว่าการฝากเงินธรรมดาเสมอ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของหลักทรัพย์ที่สนใจและทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน หรือปรึกษาผู้แนะนำทางการเงินที่มีใบอนุญาตหากไม่แน่ใจนะครับ อย่าลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ และอย่าใช้เงินทั้งหมดที่คุณไม่มีก็ไม่ได้มาลงทุนในตลาดหุ้นครับ